Wellcome to EBM group

ยินดีต้อนรับน้องๆทุกคนค่ะ ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเรียนEvidence Based Medicine ของภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัวและชุมชนโรงพยาบาลหาดใหญ่


Staffs


22/07/2009

บันทึกรัก cororanod (ต่อ)


blog ที่รัก

สวัสดีวันพุธ

สายฝนที่พรั่งพรูตลอดในช่วงเช้า ต้อนรับวันพิเศษๆ วันนี้เป็นการ rotate ครั้งสุดท้ายของพวกเราล่ะ ก้องฝน ไปอยู่ OPD ส่วนแป๊กแปดไปคลินิกใกล้ใจ ฝนตั๊กไปอยู่ที่คลินิกเวชฯ และน้องพิวไปอยู่ที่CMU และที่สำคัญคือเช้าวันนี้เป็นวันที่มีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่งก็คือ สุริยุปราคา แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ที่ระโนดฝนตกทำให้พลาดปรากฏการณ์ครั้งนี้ไป

ชีวิตในOPD ก็ไม่ได้แตกต่างจากตอนอยู่ที่ CMU สักเท่าไหร่ ดีหน่อยที่เคสไม่ได้มากนัก อาจจะเป็นเพราะมีแพทย์หลายคนที่ตรวจ ไม่ได้ตรวจเคสเด็ก เพราะว่ามีแพทย์เฉพาะทางสาขาเด็กที่นี่ งานสบายกว่า CMU ที่มีแพทย์ตรวจปกติแค่คนเดียวคือพีเกตุ แต่พอมี Ext มาช่วยก็ลดปริมาณงานลงได้อย่างดี ขาดแต่นศพ.อย่างเราที่ดูเหมือนจะเพิ่งงานที่ต้องดูแลและสอนเราอยุ่ไม่น้อยเลย

สำหรับ OPD วันนี้เป็นที่แปลกใจสำหรับตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่แม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่ชอบตรวจ OPD หรือการที่จะต้อง explore illness คนไข้ แต่วันนี้สามารถที่จะ ค้นหา illness ของคนไข้ได้โดยไม่รู้ตัว อาจจะเป็นข้อดีของการที่ได้ไปตรวจที่ CMU เมื่อก่อนเคยคิดเหมือนกันว่า น่าเบื่อสำหรับการคุยกับผู้ป่วยนานๆ และพยายามที่จะย่นระยะเวลาที่จะคุยกับผู้ป่วยทุกเมื่อถ้าเป็นไปได้ แต่มาวันนี้ กลับให้ความสำคัญกับการพูดคุยมากขึ้น ทำให้ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้น อย่างน้อยที่สุดวันนี้ความโกรธคนไข้ที่คุมน้ำตาลหรือคุมความดันได้ไม่ดีก็ลดลง

คุณป้าอายุประมาณ 65 ปี มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง แต่กลับคุมความดันได้ไม่ดีเลย วันนี้ ความดัน 200/110 mmHg นึกอยากบอกป้าว่ามันอันตราย ทำไมถึงปล่อยให้ความดันสูงได้ขนาดนี้ กินยาประจำหรือเปล่า.... แต่ได้ถามป้าไปแค่ว่า ป้าอยู่บ้านกับใครเหรอ วันนี้ใครพามาโรงพยาบาล เพียงแค่นี้ น้ำตาของคุณป้าก็เอ่อล้น เสียงสั่นเครือบอกถึงความทุกข์ระทมที่ได้รับ ลูกมีหลายคนแต่ก็อยู่ต่างจังหวัดกันหมด มีลูกสาวอีกคนที่อยู่ด้วยกัน แต่เค้าก็ไม่ดูแล มาโรงพยาบาลก็ต้องมาเอง ไม่มีคนมาส่ง ปกติจะรับยาอยู่ที่อนามัยใกล้บ้าน แต่ว่าเนื่องจากความดันยังคุมได้ไม่ดี อนามัยจึงให้มารับยาที่ โรงพยาบาล วันนี้ที่มาโรงพยาบาลได้ก็ด้วยติดรถส่งน้ำแข็งที่มาส่งที่โรงพยาบาล เล่าไปน้ำตาก็ยิ่มเอ่อล้น นอกจากจะสั่งยาให้ป้าแล้วก็ได้ไปปรึกษากับพยาบาลที่ดูแลคลินิกความดันโลหิตสูง คอยดูแลต่อเนื่อง ทั้งในด้านการรับยา ทั้งเรื่องบ้านและครอบครัวอีกด้วย

อีกเคส เป็นผู้ป่วยเบาหวาน ที่ตอนหลังๆ ระดับน้ำตาลสูงมากถึงสามร้อยติดต่อกัน สามสี่ครั้ง ตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้ยาฉีดและผ่านการปรับอินซูลินใหม่หลายรอบแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะคุมน้ำตาลได้ คุยกันไปคุยกันมาถามว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ที่บ้านเป็นอย่างไร สรุปว่าอยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก ผู้ป่วยก็อายุ 60กว่าปีแล้ว ฉีดยาเองก็ไม่กล้าฉีด มองยาในเข็มไม่เห็น ส่วนลูกชายช่วงที่ต้องฉีดยามื้อเย็นก็มักจะไม่อยู่บ้านทำให้ในแต่ละสัปดาห์ต้องขาดการฉีดอินซุลิน ประมาณ สาม ถึง สี่ ครั้ง ทำให้ควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี จะกลับไปกินยาก็ไม่ได้เพราะว่า renal impairment ก็เป็นปัญหาที่ต้องจัดการกันต่อไป

ถ้าเรารู้เบื้องหลัง หรือ background ของผู้ป่วยซึ่งในบางมุมผู้ป่วยมักจะไม่ยอมบอกให้แพทย์ทราบ เราเองต้องเป็นคนที่จะexplore ออกมาให้ได้เพื่อประโยชน์ของคนไข้และการดูแลคนไข้อย่างเป็นองค์รวม ทั้งกาย จิต สังคม และ ปัญญา การเรียนรู้ที่ตั้งเป้าไว้ทั้งหมดก็สามารถจะได้กลับไปจากการฝึกปฏิบัติจากโรงพยาบาลชุมชนแห่งนี้

จวบจนเย็น แม้ตะวันจะคล้อยต่ำจนล่วงลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่สายฝนก็ยังไม่หยุดร่วงหล่น เหมือนกาลเวลาที่ผ่านไปแล้วผ่านไปเล่าบอกว่า อีกเพียงไม่กี่โวโมงหลังจากนี้ก็จะต้องลาจาก ระโนดกลับไปยังดินแดนที่เรียกกันว่าความเจริญ หรือสังคมเมืองในหาดใหญ่
ระโนด มาแล้วววววววว


21/07/2009

บันทึกรัก cororanod (ต่อ)



Blog ที่รัก
สวัสดีวันอังคาร
เช้านี้ ตื่นมาด้วยความงัวเงีย ด้วยเสียงวิทยุ ที่ดังอยู่ไกลๆเช่นเคย อากาศหนาวเย็น กระตุ้นให้กระเพาะปัสสาวะหดตัวจนต้องลุกเข้าห้องน้ำอย่างเสียไม่ได้ แม้จะเป็นเวลาเพียงห้านาฬิกาเศษๆ ก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ยามเช้าสองสามวันมานี้ อากาศเย็นจับใจ
ใกล้เวลาต้องปฏิบัติงานอีกครั้ง เช้านี้มีทีมพี่ Ext. รุ่นใหม่เข้ามาช่วยตรวจด้วย ทั้ง CMU OPD และ ward ก็เลยต้องกลายเป็นพี่เลี้ยงไปโดยปริยาย เพราะว่า พี่ๆก็มาด้วยชะตากรรมเดียวกันที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่มีใคร orientate เลย เรียกได้ว่าช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พี่ๆที่มาอยู่ใหม่มีทั้งหมด 5 คน สำหรับพี่ที่ไป CMU วันนี้ตกรถ เลยต้องออกไปกับก้องและฝน หลังจากราวด์วอร์ดกับพี่เกตุเสร็จแล้ว
คนไข้วันนี้เยอะเช่นปกติ แต่ที่ดูเหมือนว่าน้อย ก็เพราะว่า มีคนช่วยตรวจหลายคน จนไม่มีห้องตรวจต้องออกมาตรวจข้างนอกห้อง โชคดีที่ท้องฟ้าเป็นใจ ท้องฟ้าที่เดิมสว่างจ้า กลับมืดครึ้มลง สายลมเย็นชื้นที่หอบไอฝนมาแต่ไกล ชวนให้รู้สึกเย็นสดชื่น ทุ่งนาสีเหลืองที่แซมด้วยหญ้าเขียวขจี ชวนให้อารมณ์ที่คุกรุ่นด้วยไอร้อน เย็นลงได้อย่างรวดเร็ว
ใช้เวลาตรวจคนไข้แต่ละคนนานขึ้น หารายละเอียดที่ไม่ใช่แต่โรค วันนี้ได้เรียนรู้ว่า หากผู้ป่วยเป็นผู้ชาย เค้าจะไม่ค่อยชอบให้หมอสอน แต่หากเราสามารถ explore illness ออกมาได้เอง หรือสามารถรู้ถึงการเอาชนะบางอย่างได้ เช่น เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เขาจะชอบให้เราถามถึงความสำเร็จนั้น เป็นการ empowerment อย่างหนึ่ง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกมีกำลังใจในการทำกิจกรรมนั้นต่อไปและรู้สึกภาคภูมิใจ นอกจากนี้ ตัวเราเองก็ยังสามารถรู้วิธิที่จะนำไปสอนคนไข้คนอื่นได้ในกรณีเดียวกันนี้อีกด้วย
หลังจากตรวจคนไข้ประมาณ 10 กว่า case ก็ได้เวลาพักเที่ยง อาหารเที่ยงวันนี้หลังจาก feed back ไปก็เกิดปรากฏการณ์ แปลกประหลาดที่อาหารดีขึ้นอย่าง dramatic ข้าวหมกไก่ทอด หอมกรุ่นด้วยกลิ่นขมิ้นฉุนแรง แต่รสชาติเอร็ดอร่อย พร้อมด้วยแกงจืดลูกชิ้นหมูสับเต้าหู้ไข่ รสชาติที่กลมกลืน ปิดท้ายด้วยตะโก้รสหวานหอมใบเตย ที่ตั้งแต่อยู่มาไม่เคยได้ลิ้มรสชาติอาหารเช่นนี้มาก่อน สร้างความประทับใจยิ่งนัก
แม้อากาศยามบ่ายคล้อย จะเย็นฉ่ำด้วยสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดระยะ แต่ปริมาณคนไข้ มิได้ลดน้อยลงตามความน่าจะเป็นเลย การทำงานที่ CMU ครั้งนี้ทำให้เรียนรู้อะไรได้เยอะสำหรับการดูแลผู้ป่วยทั้งครอบครัว ต้องดูแลทุกคนว่าในบ้านมีใครบ้าง เมื่อมี 1 คนที่ไม่สบายจะกระทบอะไรบ้าง อย่างเด็กชายอายุ 2 ขวบไม่สบาย เป็นหวัดมาพบแพทย์ บอกว่ามีพี่ชายเมื่อสองวันก่อนไม่สบายเป็นหวัดเช่นเดียวกัน มารับยาที่นี่เหมือนกัน ถ้าทราบตั้งแต่ต้นว่าที่บ้านมีเด็กเล็ก ก็อาจจะสามารถป้องกัน แนะนำผู้ใหญ่ในบ้าน เพื่อไม่ให้น้องคนเล็กต้องเจ็บป่วยอีกคน กลายเป็นมีผู้ป่วยถึง2คนในบ้าน เมื่อเทียบแล้วคิดเป็น 50 % ของสมาชิกในครอบครัว ผลที่ตามมาก็จะมีต่อผู้ปกครองที่ต้องเป็นกังวลว่าใครจะอยู่เฝ้าลูกที่บ้านเพราะต้องทำงานนอกบ้านทั้งคู่ ก็จะมีปํญหาที่ตามมาในบางครั้ง หรือหลายๆครั้งที่มักทำอยู่ประจำในการตรวจผู้ป่วยนอกทั่วไปที่ใช้ระยะเวลาอันสั้น ก็จะพลาดการมองแบบครอบครัวเช่นนี้ไป ปัญหาก็จะมีตามมาอีกเป็นลำดับ
ตลอดวัน นอกจากพักเที่ยงแล้ว พูดไม่หยุด ทั้งการตรวจ รักษา ทั้งร่างกายและจิตใจ บางคนมาไม่ได้มี disease อะไรแต่ illness เพียบ ก็ต้องพูดคุยกันไป พอสบายใจยิ้มได้ก็กลับ หลายหลายประเภทของผู้ป่วยที่ต้องพบต้องเจอ เหนื่อยกับการadvice สงสารตัวเองที่พยายามสรรหาข้อมูลต่างๆมาให้ แต่ก็ไม่ฟัง หนักใจเหมือนกันนะ วันนี้ ได้เข้าไปอ่าน เรื่องราวของแพทย์รุ่นพี่คนหนึ่งที่กำลังอยู่โรงพยาบาลชุมชนแลกเปลี่ยนความคิดความรู้สึก อ่านแล้วก็สลดใจ แม้จะขำๆแต่ก็....ลงเอยด้วยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

ตอนเย็นได้รับความอนุเคราะห์อาหารเย็น จากญาติของฝน ห่างจากโรงพยาบาลไปประมาณ 4 กิโลเมตร ตำบล ท่าบอล ที่เคยไปทำประชมคมหมู่บ้านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นครอบครัวชาวประมง ที่มีบ้านตั้งอยู่ริมทะเล ออกหลังบ้านไปก็เจอท้องทะเลสีคราม แม้ทรายจะไม่ละเอียดนัก แต่ก็ดูอากาศเย็นสบายดี จนพระอาทิตย์คล้อยต่ำคุณยายก็เรียกเข้าไปทานอาหารในบ้าน... ตื่นตาตื่นใจกันอย่างมากกับอาหารพื้นเมือง พื้นๆที่อร่อยเหาะไปเลย เยี่ยมยอดกว่าอาหารที่ต้องกินประจำทุกวันอีกด้วย แกงส้ม สะตอ น้ำพริก ต้มกระดูกหมูมะระ ปลาดุกร้า ผัก+หอยแมลงภู่ชุบแป้งทอด ปลาจ้องม้องทอด ปลาแห้ง ปลากรอบ ปิดท้ายด้วยน้ำชาร้อนๆแสนอร่อย อาหารเย็นวันนี้เป็นมื้อที่อร่อยที่สุด อิ่มท้องอีกทั้งยังอิ่มใจอีกด้วย แม้จะเป็นอาหารเรียบง่าย ไม่มีอะไรมาก แต่กลับอร่อย สนุกสนานเป็นกันเองกับการกินร่วมกันกับเพื่อนๆ ชาวบ้าน(ที่เป็นญาติเพื่อน) หมดไปหนึ่งวันสำหรับเหตุการณ์ดีๆ ความรู้สีกที่ดีมากขึ้นก่อนกลับจากระโนด

20/07/2009

ไปหลานตาชูมาจ้า

อาจารย์ธาดาพาไปล้างแค้นมาที่หลานตาชู อิ่มหนำสำราญกันทุกคน

Assignment II (งานEBM)

Assignment II กลุ่มควนขนุน จ.พัทลุงวันอาทิตย์ ที่ 19 กรกฎาคม 2552
รายชื่อสมาชิกกลุ่ม
นศพ.คัทลียา มุขดี รหัสนักศึกษา 4825015
นศพ.ชัฏชฎาพร แก้วแย้ม รหัสนักศึกษา 4825032
นศพ.ณัฐวุฒิ ตรีเมต รหัสนักศึกษา 4825044
นศพ. ธีรเดช ชนะกุล รหัสนักศึกษา 4825064
นศพ.ไพรัช ศิริกุล รหัสนักศึกษา 4825105
นศพ.มณี ประเสริฐบุญชัย รหัสนักศึกษา 4825111
นศพ.ศุภโชค ก่อวิวัฒน์สกุล รหัสนักศึกษา 4825136

CASE SCENARIO:ชายไทยคู่ อายุ 62 ปีCC: เจ็บแน่นหน้าอก 30 นาทีก่อนมาโรงพยาบาล
PI: 30 นาทีก่อนมาโรงพยาบาลขณะนั่งดูโทรทัศน์ มีอาการเจ็บแน่นกลางอก เหมือนมีอะไรมากดทับเป็นเวลานานประมาณ 10 นาที มีปวดร้าวไปยังบริเวณหัวไหลด้านซ้ายและคอ ปวดศีรษะ มีเหงื่อออก ใจสั่น นั่งพักกินยาแก้ปวด ไม่ดีขึ้น ไม่มีไข้ ไม่มี URI symptom นอนหนุนหมอน 1ใบ
PH : ไม่เคยมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกมาก่อน
สูบบุรี่ มานานกว่า 20 ปี วันละ ประมาณ 15 มวน
Social drinking
ชอบรับประทานอาหารรสเค็ม
มีโรคประจำตัว เป็นความดันโลหิตสูง มา 14 ปี
กิน HCTZ (5 mg) 1 tab oral OD และ Atenolol(5 mg) 1 tab oral OD, pc
มารับยารักษาความดันไม่สม่ำเสมอ
ปฎิเสธประวัติโรคหัวใจในครอบครัว
ปฎิเสธ ประวัติการใช้ยาใดเป็นประจำ และยาต้มยาหม้อ
ปฎิเสธประวัติการแพ้ยา แพ้อาหาร
PE:
GA: A thai man, looked fatique, moist skin, no central and peripheral cyanosis
Vital signs: Temp 37.4 C, HR 84 beats/min, RR 20 breaths/min, BP 150/100 mmHg
HEENT: Not pale conjunctivae, no icteric sclerae
Heart: Normal S1, S2, no murmur, Apex beat at 6 th ICS at MCL, JVP not engorgment
Lung: clear, no adventitious sound
Abdomen: soft, not tender, no distention, no organomegaly,Active bowel sound
Extremities: No pitting edema, pulse full all

CBC: Hb 13.6 gm%, Hct 39.7%, WBC 7,000/cumm. (N 72%,L 28%),
platelets count 328,000/cumm.
Cardiac enzyme : Troponin T 1 ng/ml
EKG : sinus rythym, left ventricular hypertrophy, ST elevation at V1-V4

ได้รับการวินิจฉัยเป็น STEMI จึงส่งต่อไปยังโรงพยาบาลพัทลุง ให้การรักษาเบื้องต้นโดย ให้Oxygen canular 3 LPM, Mophine 4 mg IV stat, Nitrogrycerin sublingual 1 tab stat หลังจากนั้น ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป ขณะนอนโรงพยาบาลพัทลุงได้ประมาณ 3 วัน ตรวจพบ systolic murmur at mitral valve area แพทย์จึงส่งตรวจ Echocardiogram พบ severe mitral valve regurgitation

Question
: ผู้ป่วยที่มี Myocardial infarction ร่วมกับ Mitral regurgitation มีอัตราการตายมากกว่าผู้ป่วยที่ไม่มี Mitral regurgitationร่วมด้วยหรือไม่

ประเภทปัญหาทางคลินิก:Prognosis
Patient:New case myocardial infraction with mitral valve regurgitation
Intervention:-
Comparison: Newcase myocardial infarction without mitral valve regertitation
Outcome: Mortality rate of myocardial infarction patient


แนวทางการค้นหาข้อมูล:web-base resources ที่เลือกใช้ ได้แก่ Pubmed clinical Queries
คำหรือรูปแบบที่ใช้ในการค้นหา ได้แก่ Myocardial infraction and mitral valve regurgitation เลือกที่ prognosis
จำนวน Article ที่เกี่ยวข้องที่ปรากฏ:
จำนวน Article ที่เกี่ยวข้องที่ปรากฏ129 ฉบับ
limitโดย published in last 5 years,human,english แล้วเหลือ38ฉบับ
ที่เข้าได้กับกรณีผู้ป่วยจริง 3 ฉบับ(เลือกpaperที่35)
ชื่อ Article ที่เลือกอ่านเพื่อตอบปัญหาทางคลินิก: Heart failure and death after myocardial infarction in the community. The Emerging Role Of Mitral Regurgitation.
ชื่อเรื่อง Heart failure and death after myocardial infarction in the community. The Emerging Role Of Mitral Regurgitation, 2005
ชื่อผู้แต่ง: Francesca Bursi, Maurice Enriques-Sarano, Vuyisile T. Nkomo Steven J. Jacobsen, Susan A. Weston, Ryan A. Meverden and Veronique L. Roger
ชื่อวารสาร: CIRCULATION JOURNAL OF THE AMERICAN HEART ASSOCIATION
จากกลุ่ม รพ.ควนขนุน

Evidence Base Medicine assignment II. Ranod Hospital

รายชื่อสมาชิกในกลุ่มโรงพยาบาลระโนด
1.นศพ.กิติกร จันทร์ศิริ
2.นศพ.ทรรศนะ แก้วมะโน
3.นศพ.ธนทรัพย์ รักขิโต
4.นศพ.ธัญพร กาญจนสุวรรณ
5.นศพปริญญา รัตนพงศ์
6.นศพ.วิรยุทธ สนธิเมือง
7.นศพ.สุนันทิกา จิตวารินทร์
Pt. profile :หญิงไทยคู่ อายุ 58 ปี อาชีพ ทำนา ภูมิลำเนา ต.ตะเครี๊ยะ อ.ระโนด จ.สงขลา
CC: ปวดเมื่อยหลังมา 2 วัน ก่อนมาโรงพยาบาล
PI: 2 วัน ก่อนมาโรงพยาบาล หลังจากไปดำนามีอาการเมื่อยบริเวณหลัง อาการปวดจะมากขึ้นเวลาดำนา แต่เมื่อพักอาการปวดจะดีขึ้น ไม่มีอาการปวดร้าวลงขา ไม่มีไข้ ไม่ได้รักษาด้วยวิธีการใดๆ
PH. ปฏิเสธโรคประจำตัวใดๆปฏิเสธการเข้ารับการผ่าตัดใดๆปฏิเสธประวัติแพยาแพ้อาหารใดๆปฏิเสธการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่ม alcohol
PE: V/S; BP 112/86 mmHg, PR 72 /min, RR 22/min, BT 36.8 C
GA: good consciousness, not pale
HEENT: not pale conjunctiva, no icteric sclera
Heart: normal S1S2, no murmur
Lung: clear both side, Rt=Lt, no adventitious sound
Abdomen: soft, not tender, no mass, normal bowl sound CVA negative
Ext: no edema, full ROM
Stress leg raising test -ve
Imp. Back pain
Rx. Diclofenac ( 25mg) 1 tab po tid pc # 20
Omeprazole (20 mg) 1 tab po ac # 10
Analgesic balm apply to the affect area for pain 3-4 time/day # I
Question: ผู้ป่วยที่ใช้ยา NSAID ในระยะสั้นมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับ Proton pump inhibitor ใน
การป้องกันการเกิด Peptic ulcer หรือไม่
ประเภทปัญหาทางคลินิก: Therapy
Patient:58 years old healthy women with the short-term NSAID use.
Intervention: Proton pump inhibitor
Comparison: Placebo
Outcome: Adverse gastroduodenal effects
แนวทางการค้นหาข้อมูล:
-web-base resources : Pubmed
-search term : nsaid and proton pump inhibitor and gastroduodenal ulcer and prevention
-Number of article :190
-Limits: Randomized Controlled Trial ---->Number of the limited Article : 14
ชื่อ Article ที่เลือกอ่านเพื่อตอบปัญหาทางคลินิก
-ชื่อเรื่อง:(Review): Primary prevention of adverse gastroduodenal effects from short-term use of non-steroidal anti-inflammatory drugs by omeprazole 20 mg in healthy
subjects: a randomized, double-blind, placebo-controlled study.
-ชื่อผู้แต่ง: Desai JC, Sanyal SM, Goo T, Benson AA, Bodian CA, Miller KM, Cohen LB, Aisenberg J.
-ชื่อวารสาร: Received: 14 September 2007 Accepted: 9 November 2007 Published online: 26 January 2008 Volume 53, Number 8 / August, 2008 Springer Netherlands
-ปีที่พิมพ์:2008

Assignment II รพ.จะนะ

รายชื่อ
นศพ.เจริญลักษณ์ คงดำเนิน
นศพ.จิราพร จงฐิตินนท์
นศพ.ชนิดา เพ็ชรศรี
นศพ.มลทิรา เมืองผุด
นศพ.รัตติพร พฤกธนธรณ์
นศพ.ฤกษ์ชัย ถาวรานันต์
นศพ.เสถียรพงศ์ ลิ่มบัณฑิต

ชายไทยคู่ อายุ 55 ปี
CC: ปวดหลังร้าวลงขาขวามากมา 1 wks PTA
PI: 1 ปีก่อนมา รพ. เริ่มมีอาการปวดหลังเป็นๆหายๆ มาประมาณ 2 เดือนครั้ง ปวดร้าวลงขาขวา จะเป็นมาก เวลาเดินนานๆ หรือยกของหนักๆ
1 เดือนก่อน เริ่มมีอาการปวดหลังร้าวลงขาขวา บ่อยขึ้น ปวดมากขึ้น บางครั้งปวดมาก เดินได้ประมาณ 100 ม. นั่งพักแล้วดีขึ้น เริ่มมีชาบริเวณปลายเท้าขวา และมีขาขวาอ่อนแรงเป็นบางครั้ง
1 สัปดาห์ก่อน เริ่มปวดมากขึ้น เดินไม่ค่อยได้ จึงมารพ.
PH: ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติแพ้ยาแพ้อาหาร
ไม่มีโรคทางพันธุกรรม
PE:
Vital signs : BT 36.8 c, HR 70 /min, BP 112/65 mmHg, RR 20/min
GA : good consciousness, well co-operated
HEENT : not pale, no jaundice
Heart : normal s1,s2 no murmur
Lungs : clear both lungs, no crepition/wheezing
Abdomen : soft, not tender, no distention, active bowel sound
Extremities : no deformities, full ROM

Neurological signs
Motor : grade IV Rt leg and grade V Lt leg
Sensory : numbness on L4-S1
Reflex : 2+ all extremities
Leseque’s sign : positive


Question: What’s the accuracy of physical examination to diagnose lumbar disc herniation comparison with gold standard ( MRI , CT , Sarcoradiography )
ประเภทปัญหาทางคลินิก: Diagnosis
Patient : Sciatica pain patients
Intervention : Physical examination
Comparison : gold standard ( MRI , CT , Sarcoradiography )
Outcome : accuracy of physical examination
แนวทางการค้นหาข้อมูล :
-web-base resources ที่เลือกใช้ ได้แก่ Pubmed clinical Queries
-คำหรือรูปแบบที่ใช้ในการค้นหา ได้แก่ disc herniation
-จำนวน Article ที่เกี่ยวข้องที่ปรากฏ : 43 Limit Free full text , English เหลือ 6ชื่อ Article ที่เลือกอ่านเพื่อตอบปัญหาทางคลินิก เรื่องที่ 4
-ชื่อเรื่อง :Value of the bell test and hyperextension test for diagnosis in sciatica associated with disc herniation ; comparison with Laseque’s sign and the crossed Laseque’s sign
-ชื่อผู้แต่ง : S. Poiraudeau , V. Foltz , J.-L. Drape, J. Fermanian,M.M. Lefevre-Colau,M.A. Mayoux-Benhamou and M. Revel-ชื่อวารสาร: Oxford journals . British society for Rheumatology 2001 ; 40 : 460-466
-ปีที่พิมพ์:2001



ทางกลุ่ม รพ. จะนะ ได้ส่งไฟล์paper ไปให้อาจารย์ และเพื่อนๆดังนี้
รพ.ควนขนุน - บาส ติ๊ก
รพ.ระโนด - แปด ฝน ก้องกริ๊
รพ.เทพา - เอื้อง กะใหม่

ขอให้ อาจารย์ และ เพื่อนๆ ช่วยอ่าน และคอมเม้น ด้วยนะคะ

19/07/2009

บันทึกรัก Cororanod (ต่อ)

blog ที่รัก

สวัสดีวันจันทร์

เช้านี้ตื่นนอน 6 โมงล่ะ เมื่อคืน กลัวกันอยู่ว่าจะไม่มีน้ำอาบเพราะ น้ำมันไม่ยอมไหลเลย เพิ่งมาไหลเอาตอนดึกๆแล้วล่ะ ที่กลัวไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพราะน้ำเหลือแค่ก้นถัง และตอนเช้าของทุกวันจะไม่มีน้ำไหนเนื่องด้วย คนจะยิ่งแย่งกันใช้น้ำเป็นพิเศษ

วันนี้เปลี่ยนกลุ่ม Rotate อีกแล้ว ก้องและฝน ต้องออกไปอยู่ CMU กับพี่เกตุ น้องพิวฉายเดี่ยวที่คลินิกใกล้ใจ แป๊กแปดไปคลินิกเวชปฏิบัติฯที่ในตลาด ฝนตั๊กออก OPD เริ่มต้นราวด์วอร์ด ด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นพอสมควร (ทำตัวเหมือนไม่เคยราวด์)เพราะว่าปกตินั้นต้องออกชุมชนอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ว่าโชคร้ายของเราที่ได้เยี่ยมบ้านแค่ 1 ครั้ง เพราะว่าฝ่ายเวชฯทั้ง คลินิคเวชฯและใกล้ใจนั้นติดประชมช่วงบ่าย(เป็นช่วงเวลาเยี่ยมบ้านปกติ) เลยอดที่จะไปเยี่ยมบ้านสำรวจชุมชน อย่างที่เขียนเล่าไปคราวก่อน ประสบการณ์แม้จะน้อยนิด แต่ก็ช่วยสอนให้เราได้รู้เรื่องเกี่ยวกับFammed อยู่มากเลยทีเดียวในการเยี่ยมบ้าน ได้ทั้งข้อคิดทั้งดีและไม่ดีกลับมา

ตอนเช้าก็ต้องไปราวด์วอร์ดกับพี่เกตุก่อน ในเคสที่เป็นของพี่เกตุล่ะ ไม่ได้เยอะมากอะไร ที่นี่เคสที่admit แพทย์ที่เป็นคนadmitก็จะเป็นเจ้าของไข้โดยปริยาย รวมถึงคนไข้ที่ admit ในเวรอีกด้วย ช่วงนี้ไม่ใช่เวรพี่เกตุเคสเลยน้อย ราวด์กันอย่างสบายๆ ราวด์เสร็จก็รอรถมารับไป CMU แดดร้อนจัง

คนไข้ที่ศูนย์สุขภาพชุมชน (วัดเบิก) ที่นี่คนเยอะพอๆกับ OPD โรงพยาบาลเลย คิดว่าอย่างนั้น แต่ด้วยการตรวจคนไข้ของพวกเราที่พี่เกตุเน้นเรื่องfammed เสียเหลือเกินทำให้ต้องพูดคุยอยู่นานมากๆ ดูว่าillness ของผู้ป่วยนั้นคืออะไร concern เรื่องอะไรเป็นพิเศษถึงได้มาพบแพทย์ครั้งนี้ ลึกซึ้งยิ่งนัก ทำให้อาการไม่ชอบการตรวจ OPD ของเรายิ่งกำเริบ อะไรกันนักกันหนาเนาะ แต่ก็อย่างว่านั้นแหละ ข้อดีคือ เราสามารถรู้ได้อย่างตรงจุดว่าคนไข้ต้องการอะไร แต่...คนไข้คงอึดอัดอยู่ไม่น้อยสำหรับบางคนที่ต้องรอน๊านนาน หมอก็ถามอยู่นั้นแหละ มีคนไข้รายนึง ถามไปถามมา จริงๆก็มาเพื่อที่จะหยุดงานหรอก ไม่ต้องไปทำงาน CCคือปวดหลังมา 2 วัน เป็นๆหายๆอย่างนี้มา 2 ปีแล้ว ครั้งจะให้เปลี่ยนงานบริการที่ต้องยกของหนักๆ ก็ไม่รู้จะไปทำอะไรกิน ถ้าเจออย่างนี้แล้ว จะยังให้เขาลาหยุดหรือเปล่านะ?? มาขอใบรับรองแพทย์ ก็เลยให้ไปแค่ว่ามาตรวจจริงวันนี้ จะไปว่าเค้าอู้งานก็ไม่ได้เพราะว่าไม่มีหลักฐานอะไรเสียหน่อย หลังก็ปวด แต่ก็เดินได้ ทำงานได้ ไม่เป็นอะไรมาก คนไข้ก็ตอบเลี่ยงๆเวลาถามถึงอาการว่าเป็นอย่างไร บอกแค่ ก็ปวดๆอย่างนั้นๆ เราก็ไม่เข้าใจ ว่าปวดอย่างนั้นๆ หมายความว่าอะไร ถึงจะพูดใต้ได้บ้าง แต่สำนวนและความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดบางอย่าง เราไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าหมายถึงอย่างไร อย่างคนลาว หากเราต้องการให้เขาช่วยอะไรแล้วคำตอบออกมาว่า "เดี๋ยวจะช่วยไปดูให้" ก็จะหมายความว่า สิ่งที่เราขอน่ะเป็นไปไม่ได้เลย เป็นการตอบปฏิเสธของคนลาว ที่ไม่ให้ช้ำใจนัก แต่พอคนไทยได้ยินแบบนั้น ก็จะเข้าใจว่า พอจะมีความหวังอยู่บ้าง ภาษาก็เป็นเสียอย่างนี้แหละ คงต้องกลับไปเรียนภาษาใต้เสียใหม่ก็เราไม่ใช่ native speaker นี่นาจะได้เข้าใจอะไรลึกซึ้ง ขนาดเพื่อนๆเราเอง พูดภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำยังไม่เข้าใจกันเลย ปากบอกไม่เป็นไรไม่เป็นไร แต่หน้าตาที่ยิ่งกว่ารังเกียจ เป็นต้น

เรียนรู้อะไรได้เยอะนะ ที่นี่ค่อนข้างจะ realistic พอสมควรเลย พอทำงานจริงๆ จะได้รู้ว่าอะไรที่ฟังดูสวยงาม ดูเป็นระบบ น่าเรียนรู้ ข้างในนี่กลับกลวงโบ๋ เหมือนพวกขายฝัน ที่เร่ขายฝันให้คนอื่นทำ พอมีคนทำสานฝันให้เป็นจริง คนขายฝันดูจะได้กำไรจากการขายมากโขทีเดียว สภาพที่เห็นก็ไม่ได้เป็นอย่างที่พูดเอาไว้ คงไม่ปฏิเสธว่าคนส่วนมากมักจะพูดอะไรๆให้มันดูดีเกินจริง จำเป็นด้วยเหรอ พอเราเข้ามาสัมผัสมันกลายเป็นว่า จินตนาการครั้งแรกเราทำไว้สูงเกินไป พอมาเจอความเป็นจริง อุปสรรคต่างๆ ความเพ้อฝันดูเลือนลางเหลือเกิน

ตอนเที่ยง กินข้าวปิ่นโตกันสองคน พี่ๆก็มีบ้างที่ทำข้าวกล่องมากินด้วยกัน กินกันเงียบๆ ต่างคนต่างกิน เหอะๆ ที่นี่สบาย บรรยากาศดีแม้คนไข้จะเยอะมาก เพราะทำอะไรๆได้เทียบเท่าโรงพบาบาลที่เป็น opd case ที่เหลือนอกเหนือความสามารถ ก็ส่งไปยังโรงพยาบาล เงียบเหงา แม้เสียงข้างนอกจะอึกทึกครึกโครม ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจต่างหาก กับข้าวแม้เป็นต้มปลาคาวๆ ไข่เจียวน้ำมันเยิ้ม กับแกงกะทิใส่มะระ ก็พอประทังความหิวไปได้ ไม่อดตาย ชีวิตนี้คิดว่าตัวเองติดดินแล้วนะ มีบ้างที่ต้องทำตัวบินได้เพื่อเข้าสังคมจอมปลอม แต่พื้นฐานชีวิตเราก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย พอมาอยู่ที่นี่ทุกวันนี้ต้องกลายเป็นลูกคุณหนูในสายตาคนอื่นๆ เรื่องมาก น้อยใจ แต่พูดอะไรไม่ได้หรอก ใครสักคนคงเข้าใจเราบ้าง แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร เสียใจกับคำพูดของเพื่อนบางคน เสียใจกับอะไรหลายๆอย่างที่ต้องเจอที่นี่ นั้นอาจะเป็นเพียงเพราะเราคิดไปเองก็ได้ ถ้าเราเป็นคนไม่คิดอะไรเลย ก็ดีจะได้ไม่เจ็บ แต่คงเป็นคนที่เพื่อนๆหมั่นไส้อยู่ล่ะมั้ง...

มาอยู่นี่ถึงไม่ได้เป็นเพื่อนรักของใคร ไม่ได้เป็นคนที่... เอ่อ ง่ายๆ อะไรก็ได้ ดูไม่ติดดิน แต่ระโนดก็ทำให้เราได้พิสูจน์ใจ หรืออะไรๆของใครหลายๆคน มองในแง่ดี ก็ดีแหละ อะไรๆมันก็จะดีขึ้นมาเอง

ตอนบ่ายก็คงยังจะต้อง explore illness ของคนไข้ต่อไป พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร มันก็เป็นไปอย่างนั้น อีกไม่กี่วันก็กลับแล้ว สู้เค้าทาเคชิ ชีวิตคนถ้าขาดอุปสรรคมันก็แย่เนาะ จะได้ทำให้เราเข้มแข็ง และสามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ได้...
เจ็ดสาวงาม กลางป่ายาง

เรียนผู้เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆที่มีรายชื่อต่อไปนี้ ได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของกลุ่ม
ท่านจะได้รับ fileงาน ที่เป็นsystematic review ของกลุ่มโรงพยาบาลเทพา
ติ๊กกี้คนงาม
อีกนามเฟิร์สตี้
ก้องกริ๊คนดี
ที่ไม่มีแฟน
ดูแมนกุ๊กไก่
สวยเกินใครสาวแป๋ว
แอ๊บแบ๋วต้องทรัพย์
รีบรับเมลล์เอย

จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน

Assigment II Thepha Hospital (rewrite)

Assigment II
19 กรกฎาคม 2552
กลุ่ม Academy fantasia 6.5 Thepha convant
สมาชิก:
1. นศพ.กาญจนา โก๊ยดุลย์
2. นศพ.จันทร์จิรา แต่ศักดาธรรม
3. นศพ.ธิดารัตน์ โกมล
4. นศพ.นพวรรณ แสงแก้ว
5. นศพ.ปานหทัย หุตะจูฑะ
6. นศพ.วราลี ปรียวานิชย์
7. นศพ.อารียา ภูมิเดช

หญิงไทยคู่ อายุ 52 ปี
CC: มีอาการมึนศีรษะมา 7 วัน ก่อนมาโรงพยาบาล
PI: 2 เดือน ก่อนมาโรงพยาบาล มีอาการมึนศีรษะ ตาพร่า จึงมาพบแพทย์ ตรวจร่างกายพบว่ามี BP 160/98 mmHg และให้นั่งพักประมาณ 10 นาที แล้วทำการวัด BP ซ้ำ ได้ 155/95 mmHg แพทย์ได้ให้ยาแก้อาการมึนศีรษะ และ Advice เกี่ยวกับอาหารและการออกกำลังกาย แล้วนัดมา F/U อีก 2 สัปดาห์ แต่ผู้ป่วยไม่ได้มาตามนัด
7 วัน ก่อนมาโรงพยาบาล เริ่มมีอาการมึนศีรษะเช่นเดิม นอนพักแล้วอาการทุเลาลง แต่ก็ไม่หาย
วันนี้ รู้สึกว่าอาการเป็นมากขึ้น จึงมาพบแพทย์ที่ PCU วัด BP ได้ 168/95 mmHg แล้วให้ Dimenhydrenate จนอาการมึนศีรษะหายไป จึงทำการวัด BP ซ้ำได้ 158/90 mmHg แพทย์จึงให้เริ่มยา HCTZ ½ x1 po, pc
PH: No U/D
No food and drug allergy
แม่เป็นโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง
ปฏิเสธการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่ม alcohol

PE: V/S; BP 168/95 mmHg, PR 92 /min
GA; good consciousness, not pale
HEENT; not pale conjunctiva, no icteric sclera, normal hearing by speaking, no neck
mass, no bruit
Heart; normal S1S2, no murmur
Lung; clear both side, Rt=Lt, no adventitious sound
Abdomen; soft, not tender, no mass, normal bowl sound
Ext; no edema, full ROM

แพทย์สั่งจ่าย HCTZ (25) 1/2 x 1 po, pc เช้า

ทางกลุ่มจึงสงสัยว่าเหตุใดจึงใช้ HCTZ เป็น first-line drug ในการรักษา Hypertension ทั้งที่มียาในกลุ่มอื่นๆอีก และยาดังกล่าวมีผลในการลดระดับ blood pressure and cardiovascular risk ได้ดีกว่ายาอื่นๆหรือไม่

Assignment II by Thepa hos (PICO) [rewrite]

Question: What is the first-line drugs to treat hypertension for reducing blood pressure and cardiovascular risks?

ประเภทปัญหาทางคลินิก: Systematic review
Patient: 52 years old women with high blood pressure
Intervention: first-line drugs for hypertension (HCTZ, Propanolol, Enalapril, Amlodipine)
Comparison: placebo
Outcome: reduce blood pressure and cardiovascular risks

แนวทางการค้นหาข้อมูล:
-web-base resources ที่เลือกใช้ ได้แก่ Pubmed clinical Queries
-คำหรือรูปแบบที่ใช้ในการค้นหา ได้แก่ high blood pressure and first-line drugs for hypertension
- Limit Systematic review ได้จำนวน Article: 55
-จำนวน Article ที่เกี่ยวข้องที่ปรากฏ: 4

ชื่อ Article ที่เลือกอ่านเพื่อตอบปัญหาทางคลินิก
-ชื่อเรื่อง:(Review): First-line drugs for hypertension (review)
-ชื่อผู้แต่ง: Jame M Wright, Vijaya M Musini
-ชื่อวารสาร: Cochrane Database of Systematic Reviews 2009, Issue 3. Art. No.: CD001841.
-ปีที่พิมพ์: 2009

18/07/2009

บันทึกรัก cororanod (ต่อ)

blogที่รัก

สวัสดีวันศุกร์

หายหน้าหายตาไปไม่ได้อัพบล๊อกหลายวัน คิดถึงเหลือเกิน เนื่องด้วยต้องปั่นรายงานเยี่ยมบ้าน และเตรียม case conference จากเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา หลังจากตอนเช้าที่ต้องไปชมรมผู้สูงอายุ แล้วก็ได้ถูกเชิญให้พูดกับกลุ่มผู้สูงอายุอีกเช่นเคย "ไข้หวัดใหญ่ 2009" นอกจากจะทำหน้าที่วัดความดันโลหิตแล้วก็ ส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ในการควบคุมความดันโลหิต อันที่จริงๆแล้วการได้มาอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ได้เรียนรู้งาน ที่ในอนาคตเราอาจจะไม่ได้ทำเอง แต่ว่าเป็นงานที่เราควรต้องเข้าใจว่าทำอย่างไรเพื่อจะได้จัดการได้อย่างถูกต้อง... มาทำงานร่วมกับพี่ๆพยาบาลเวชฯ แล้วก็อสม. ผู้นำหมู่บ้าน ทำให้รู้ได้เลยนะว่า กว่าจะสำเร็จลุล่วงไปได้ในแต่ละอย่าง ต้องอาศัยความร่วมมือช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างมาก หมออย่างเราส่วนมากก็อยู่โรงพยาบาลไม่ได้ลงมาสัมผัสกับผู้ป่วย ไม่ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งจริงๆหรอก แม้จะพยายาม explore illness ขนาดไหนแล้วก็ตาม มันก็เป็นเพียงการคาดเดากว่าครึ่งว่า จริงๆแล้วคนไข้ของเราต้องการอย่างนั้น หรือชีวิตเค้าน่าจะเป็นอย่างนี้ เอาเข้าจริงก็เดาผิดหรอก ชีวิตจริงๆใช่เป็นอย่างนั้นไม่

วันพฤหัสฯตอนบ่ายไปเยี่ยมบ้าน ที่ค้างว่าจะเล่าให้ฟังวันก่อน แต่ว่าหมดเวลาไปกับการเตรียมงาน present ซะหมด บ้านคุณกมลพร เป็นเคสที่ครั้งไปทำประชาคมหมู่บ้าน แล้วพี่พยาบาลแนะนำให้รู้จักแล้วประทับใจในความสำเร็จ การช่วยเหลือ โดยทุกๆคนในชุมชนเข้ามามีบทบาทในชีวิตแกเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ตลอด 7 ปีที่ต้องทนกับ การเป็นอัมพาต ทำทุกวิถีทางจนเอาชนะมันมาได้ และเป็นที่ยอมรับ เป็นที่รักของใครหลายๆคนในชุมชน แม้จะถูกสังคมปรามาสว่าเป็นผู้พิการ เป็นภาระสังคม แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ที่จะพยายามจนไม่เป็นภาระของใครๆ

บ้านไม้โทรมๆที่ไร้ไฟฟ้า ผืนดินทางเข้าบ้านที่เดิมเคยเป็นชายหาดชายทะเลมาก่อน ทุกวันนี้จึงเต็มไปด้วยเศษเปลือกหอยที่ดารดาษปะปนกับเม็ดทราย พุ่มไม้น้อยๆข้างบ้านดูจะรกเรื้อมานาน ไร้ผู้คนดูแลแทบจะกลายเป็นป่ารกขนาดย่อม โอ่งปูนสี่ห้าใบคอยรองน้ำฝนเก็บไว้กินไว้ใช้ บ้านช่องมีของใช้ระเกะระกะอยู่หน้าชาน ที่มีเพียงฝากั้นไว้หน่อยแยกออกเป็นห้องครัวสมัยโบราณ หม้อ กระทะ ก้นดำที่บอกถึงระยะเวลาในการใช้ เตารังผึ้งที่สำหรับหุงข้าวต้มแกงตามปกติ ยังคงตั้งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเขยื้อน ราวแขวนเสื้อมากมายหลากสีสันที่เรียงรายบนเส้นเชือกที่ผ่านฝาบ้าน บ้านเงียบเชียบ เหมือนไร้ผู้คน พยาบาลเวชฯวัยกลางคน ได้ไขกระจกรถตะโกนถามบ้านฝั่งตรงข้าม ว่าเห็นเจ้าของบ้านหรือไม่ คำตอบที่ได้รับชวนฉงน "ออกไปเดินเล่น เดี๋ยวคงกลับมา ถ้าอยากเจอเดี๋ยวจะขับรถไปรับกลับมา" กำลังนึกสงสัยว่าเรากำลังเข้าใจอะไรกันผิดหรือเปล่า การมาเยี่ยมบ้านครั้งนี้คือมาเยี่ยมบ้านคนพิการอัมพาตมิใช่หรือ แต่ไฉนจึงได้เดินออกไปเสียหลายกิโลเมตร ไม่นานนัก เพื่อนบ้านก็กลับมาพร้อมกับเจ้าของบ้าน หญิงชราวัย 65 ปี ผมหงอกแซมเสียขาวโพลน หน้าตายิ้มแย้ม ดีใจที่มีคนมาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน บอกถึงความมีสุขภาพดี พวกเราต่างยกมือไหว้ หญิงชราก็ค่อยๆใช้มือซ้ายช้อนมือขวาออกมารับไหว้อย่างเบิกบานใจ พร้อมกับชี้เชิญให้เข้าไปนั่งในบ้าน

หลายปีแล้วที่เธออยู่ในสภาพเช่นนี้ ทุกครั้งที่ให้เล่าย้อนประวัติความเจ็บป่วย น้ำตาที่พร้อมจะเอ่อล้นก็ไหลปริ่มจนต้องใช้มือป้ายเช็ดทุกครั้งที่บรรยายถึง ความเจ็บช้ำน้ำใจจากสังคมภายนอก ที่เคยดูแคลนว่าเป็นผู้พิการ ครั้งหนึ่งเคยท้อแท้หมดสิ้นกำลัง คิดว่าตายแน่แล้ว สุดท้ายกลับได้รับการช่วยเหลือจากคลินิกใกล้ใจที่เหมือนแสงสว่างที่คอยช่วยเหลือมาตลอด7ปี พร้อมทั้งเพื่อนบ้านใกล้เคียง จนสามารถ "เบื่อที่จะท้อแท้" และกลับมาสู้ต่อไป อย่างไม่ลดละ ราวหน้าบ้านที่เพื่อนบ้านช่วยกันสร้างไว้ให้เกาะยืนเพื่อฝึกกายภาพ ไม้เท้าที่กลุ่มชมรมผู้สูงอายุช่วยกันทำให้ เงินงบประมาณสนับสนุนผู้พิการจากอบต.ที่ทุกคนในชุมชนช่วยกันยกมือโวตให้มอบเงินก้อนนี้แด่เธอผู้ไม่แพ้ เพียงเท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า ชุมชนแห่งนี้ช่วยเหลือดูแลกันมากสักแค่ไหน ทุกวันนี้ คุณกมลพรสามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้า ทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึงพาผู้อื่น รวมไปถึงงานบ้านต่างๆ ทำกับข้าว ซักผ้ากวาดบ้าน ยกถังน้ำ หรือแม้กระทั่งการไปช่วยงานของคนในชุมชน ขนทรายเข้าวัด งานทำบุญต่างๆ การทำประชาคมหมู่บ้าน ฯลฯ จนผู้สูงอายุปกติยังยอมแพ้

ไปเยี่ยมบ้านครั้งนี้ได้อะไรกลับมาหลายอย่าง ทั้งกำลังใจในชีวิต การฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ความไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา และความสำคัญของการช่วยเหลือของคนในชุมชน ความรักใคร มิตรภาพดีดีของผู้คนที่จะช่วยเหลือและทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นได้ ความช่วยเหลือของแต่ละฝ่ายที่ต้องเกื้อกูลกันจึงจะประสบความสำเร็จ ทีมงานเป็นสิ่งสำคัญ การดูแลรักษาที่ต่อเนื่อง ไม่ทอดทิ้ง ย่อมเป็นผลประโยชน์ระยะยาว องค์ประกอบหลายๆอย่างนี้เองที่จะทำให้เราได้ดูแลคนไข้อย่างเป็นองค์รวมทั้งกาย จิต สังคม อารมณ์ ปัญญา

ขอบคุณคุณกมลพรที่สอนเราให้รู้จักความเป็นคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความเรียบง่ายของชีวิต แม้ลำบากก็จงคิดแต่สิ่งที่ดี "ดีพะยะค่ะ" อะไรๆก็ดีทั้งนั้นแหละที่เข้ามาให้เราได้เจอะเจอ ทุกอย่างทำให้เราได้พัฒนามากขึ้น แค่ความคิด ก็สามารถเปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ จากที่หม่นหมอง อึมครึม กลับสดใสขึ้นมาทันตาเห็น

ขอบคุณทีมงานคลินิกใกล้ใจที่เข้ามานั่งอยู่ในใจตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พร้อมกับสอนประสบการณ์ต่างๆที่ทำให้เป็นมากกว่าคำว่าหมอ แต่เป็นคนที่มีจิตใจงามเข้าใจเพื่อนมนุษย์ ทุกวันนี้ผมยังไม่เคยคิดว่าผมเป็นหมอเลยสักครั้งเดียว ยังรู้สึกว่าตนเองเป็นคนธรรมดาๆ และที่นี่ยิ่งทำให้คนธรรมดา กลายเป็นคนที่เต็มตัวมากขึ้น พร้อมที่จะให้ได้อย่างมีความสุข..... "นี่คงเป็นสุขที่แท้จริงที่เราค้นหา สุขที่ได้ให้" ตลอดมาผมเชื่อนะว่าใครทำอะไรย่อมได้เช่นนั้นตอบแทน วันนี้ก็ยิ่งเป็นเครื่องเตือนใจว่าให้ตั้งใจทำในสิ่งที่ดีงามต่อไป ผลตอบแทนอย่างไรก็ย่อมได้ดี แม้ว่าจะนานแสนนาน แต่อย่างไรก็ต้องได้ ถึงจะพ่ายแพ้ล้มลุกคลุกคลานไปบ้าง ก็ไม่เป็นไร สู้ต่อไปทาเคชิ

หมดเรื่องราวดีดีข้อคิดสอนใจ โลกใบนี้ย่อมมีความหมุนเวียนเปลี่ยนผัน มีดีมีร้ายสลับกัน ตกค่ำเรื่องร้ายๆก็วนเวียนมาถึง เสียงตะโกนเรียกพวกเราจากหน้าบ้านก็ดังขึ้น ปริญญาเป็นตัวแทนที่ชะโงกหน้าออกไปว่าใครเป็นคนเรียก อ้อ...พี่ที่รับซักผ้านั้นเองมีอะไรหรือ??? สรุปใจความได้ว่า พี่เค้ามาถามว่าเราอยู่กันกี่คนทำไมถึงส่งผ้าเยอะเหลือเกิน ไม่เหมือนรุ่นก่อนๆ พอบอกว่า อยู่7 คนแต่ส่งผ้า 6 คนเพราะก้องกริ๊ซักรีดเอง(เป็นพ่อบ้านผู้น่ารัก) พี่เขาก็บอกว่าเนี่ยะ พี่นับแล้วรวมที่เก็บผ้าไปทั้งหมดน่ะ 206ชิ้นแล้วนะ ครั้งล่าสุดที่ส่งนับได้ 91ชิ้น ขอขึ้นค่าซักรีดที่ตอนแรกจะเก็บสัปดาห์ละ 100 บาท เป็นสัปดาห์ละ 200 บาทแทน ด้วยตอนนั้นเพื่อนๆไม่อยู่บ้านกันไปใช้เน็ตทำงานที่ห้องพักแพทย์ในโรงพยาบาลปริญญาจึงบอกปัดไปก่อนว่าจะบอกเพื่อนให้แล้วค่อยบอกพี่พรุ่งนี้ อาจจะฟังดูแล้วไม่เห็นจะมีอะไร แต่ขอโทษเถอะ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเก็บ 200 บาทต่อคน ได้ข่าวว่ามารับผ้าไปเพียง3รอบ เพื่อนบางคนส่งผ้าไปแค่ครั้งเดียว ไม่เกิน15 ชิ้นด้วยซ้ำ ต้องมาจ่าย 200 บาทจะมากเกินไปหรือเปล่า มานั่งนับกันแล้วไม่ถึงด้วยซ้ำไป ครั้งล่าสุดที่ซักกับพี่เค้าไปที่บอกว่า 91 ชิ้น (รุ่งขึ้นพี่เค้าก็เอากระดาษฉีกใบเล็กๆมาให้ดูว่านับได้เช่นนั้นเป็นตัวเลข 91ที่พี่เค้าเขียนขึ้นมา) นับแล้วนับอีกก็ได้แค่สี่สิบกว่าชิ้น ห่างกันจากการเก็บผ้าครั้งที่สองแค่ 2-3วันจะมีผ้าที่จะส่งซักรวมกัน 91ชิ้นเลยหรือ??? เกินไปแล้วนะ แต่ด้วยความใจดีของเพื่อนๆหรืออย่างไร จึงตัดสินใจที่จะยอมจ่ายเพื่อให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเพราะพี่เค้าก็เป็นจนท.โรงพยาบาลยังต้องอยู่ด้วยอีก 1 สัปดาห์ น้ำตาแทบร่วงมีมั๊ยส่งผ้า 15 ชิ้น 260 บาท ชิ้นนึงกี่บาทเนี่ยะลองนับดู แล้วคงไม่ซักต่อเก็บผ้ากลับมาซักที่หอดีกว่าอีกห้าวันเอง แต่แล้วความไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกรอบเพราะว่าวันที่ไปจ่ายคือวันนี้ วันศุกร์ เพื่อนที่ไปจ่ายแทนที่จะต้องจ่าย 1200 บาท เพราะว่า 200 x 6 =1,200 บาท พี่เค้ากลับบอกว่าเป็น 1,600 บาทขาดตัว แล้วมันมาจากไปนอีกล่ะ 400 บาท งงมาก ... ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเพื่อนถึงยอมโดนโกง ไม่กล้าเข้าไปยุ่งมากนักหรอก เพราะว่าซักเองรีดเอง เดี๋ยวจะโดนหาว่ายุ่งอีก เพราะช่วงนี้ดูจะเป็นคนขี้โวยวายและ ชอบfight ในสายตาเพื่อนๆไปเสียแล้ว เอาเถอะๆ เพื่อนๆจากโรงพยาบาลอื่นลองคิดดูเอาเองแล้วกันนะว่าเรื่องแบบนี้สมควรยอมหรือไม่ ถ้ายอมเพราะสาเหตุใด หรือไม่ยอมเพราะสาเหตุใด บอกกันได้

ข้อคิดเตือนใจ เรื่องเล็กๆน้อยๆยอมได้ก็ยอมกันไป แต่บางเรื่องถ้าเกินความเป็นจริงไปมากๆก็หัดที่จะผดุงความยุติธรรมให้กับตนเองบ้างก็ดี ไม่ต้องสร้างภาพให้ดูดีทุกเรื่องหรอก เหนื่อยเปล่า ผิดเป็นครูก็จริง แต่ผิดแล้วกระทบตังค์พ่อแม่แบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ไม่ได้ผลิตเงินได้เอง มาเรียนรู้ ไม่มีคนดูแลก็ยังไม่เป็นไรเพราะโตแล้วดูแลตัวเองได้ แต่ยังมาโดนเอาเปรียบแบบนี้อีก รับไม่ได้มากมาก แต่ก็ "ดีพะยะค่ะ" ได้เรียนรู้สัจธรรมชีวิต เชื่อเสมอว่าใครทำอะไรไว้ย่อมได้สิ่งนั้นกลับคืนมาเสมอ ไม่ได้จะสาปแช่งหรืออะไร แต่มันเป็นเหตุและผล เป็นธรรมดาโลก ต้องยอมรับ

ชลันธรี

15/07/2009

Rural health


ทหารพร้อมด้วยอาวุธครบมือและเครื่อง GT 200 เข้ามาในโรงพยาบาลจะนะตอนเช้า จะมีระเบิดป่าวน้าาาา ปรากฏว่าเครื่องชี้ไปทางชนิดา (Bomb Bomb girl) อิอิ ล้อเล่นนะจ๊ะยาย เมื่อตรวจตรากันเสร็จแล้ว ก็ออกลุยเยี่ยมบ้านกันเลย ตามพวกเรามาเลยครับ จะพาไปเที่ยวนะจะ

ออกเยี่ยมบ้านในอ.จะนะครับ ค่อนข้างไกลอยู่เหมือนกัน แต่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดครับ หมู่บ้านดูสงบดี มีที่น่ากลัวอยู่อย่างเดียวคือหมา มาคอยเห่าอยู่ตลอด เยี่ยมบ้าน 2 ครั้งแล้วครับ ทั้งหมดเจ็ดบ้านครับ ไปกันสิบคน พวกเราเจ็ด พี่พยาบาลสอง คนขับรถหนึ่ง ต้องเดินกันหน่อย ขายาวขาสั้นก็ไม่หวั่นไหว






ถึงแล้ววววว บ้านป้าแอบป้าแกเป็นเบาหวานความดันแล้วก็ Left hemiparesis มาปีกว่าแล้ว แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่าง ขัดหม้อ ทำกับข้าว ล้างจาน หุงข้าว เหลือเพียงอย่างเดียวคือแกไม่กล้าหัดเดิน ทางเราเลยส่งแจง ไป empowerment ป้าแกหน่อย แกคุมอาหารไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ชอบแอบกินทุเรียนบ่อยๆ ดังนั้นพวกเราจึงมีนโยบายดังนี้










ต่อง ตอง ต๊อง ต๊อง ประกาศผู้ป่วยเบาหวานชาวจะนะทุกท่าน เพื่อให้ท่านสามารถควบคุมน้ำตาลได้ดี เราจะทำการส่งหน่วยสวาทสาวตามล่าทุเรียนในบ้านท่าน เมื่อนำมากำจัดยังรพช.จะนะ โดย นศพ. (อิอิ ทุเรียนบ้านหรอยนักแล ) ขอบคุณครับ ปฏิบัติการได้ เริ่ม.....





หลังจากการปฏิบัติภารกิจแล้วเราก็กลับมา รพ.กันครับ มีอีกหลายบ้านเลยที่อยากเอารูปมาลง แต่ไม่ไหวทนกับอินเตอร์เน็ต ช้าจริงๆ


ป.ล.อ่านแล้วไม่ comment ระวังเป็นหมันนะ (ไม่มี EBM support จะกลัวกันมั้ยอ่า อิอิ)
Blog เงียบจังเลย โพสต์ๆกันหน่อยน้าาาาา



บันทึกรัก cororanod (ต่อ)

blog ที่รัก

สวัสดีวันพุธ

วันนี้เป็นวันที่พวกเราต้องเปลี่ยนกลุ่ม rotate กันแล้วล่ะครับ ก้องฝน ไปอยู่คลินิกใกล้ใจ ฝนตั๊กไปอยู่CMU แป๊กแปดมาอยู่ OPD น้องพิว ไปอยู่คลินิกเวช(ฉายเดี่ยว)

เมื่อคืนนี้มีสมาชิกมานอนที่ห้องอุ่นหนาฝาคั่งมากๆหลังจากที่ทิ้งเราไปให้เรานอนคนเดียวมาหนึ่งคืน น้องพิวและแป๊กมานอนด้วย กรนสนั่นจนเรือนไหว แต่น้องพิวมักไม่ค่อยยอมรับหรอกว่าตัวเองกรน ช่างเถอะก็รู้ๆกันอยู่ เมื่อคืนเราพากันเปลี่ยนทิศทางการนอนตามทฤษฏีน้องพิวว่าด้วยทิศตะวันออกตะวันตกและขัวประจุไฟฟ้าของเม็ดเลือดแดงที่มีความสัมพันธ์กัน รายละเอียดคงไม่กล่าวมากต้องถามน้องพิวเอาเอง แล้วก็น้องแป๊กที่ไม่มีน้องแปดมานอนด้วยก็เลยเกิดความกลัวไม่กล้านอนคนเดียวไร้คนกอดยามหลับขึ้นมาซะงั้น แต่ก็ดีนะ จะได้มาช่วยกันแบ่งเบาภาระยุง ไม่มารุมกัดเราคนเดียว แบ่งๆกันไป

เหมือนจะปรับสภาพจนชินว่าต้องตื่นนอนตอนตีห้าครึ่ง ตั้งแต่มาอยู่นี่ตื่นเวลานี้ทุกวันเลย... คงเป็นข้อดีของการมาอยู่รพช.มั้ง ทำให้เราตื่นเช้าขึ้น ไม่เห็นจะง่วงนอน อย่างที่เคยคิดไว้ กลับตื่นมาด้วยความสดใส แต่ก็อย่างว่า นอนก็เร็วด้วยแหละ ตั้งแต่ห้าทุ่มโดยประมาณ ถ้าอยู่หาดใหญ่ก่อนเที่ยงคืนคงยังดี๊ด่าดี๊กันอยู่อีก

มาอยู่นี่เริ่มปรับตัวให้เข้ากับสภาพความเป็นอยู่ได้บ้างแล้ว ไม่ค่อยอึดอัด รู้ว่าควรอยู่ตรงไหนเวลาไหน ทำอะไร ไม่ควรทำอะไร หรือว่า ใครที่ไม่ควรเข้าไปเจอ แต่แย่หน่อยที่คราวนี้ไม่ค่อยได้contact กับพี่หมอ หรือแพทย์พี่เลี้ยงสักเท่าไหร่ จะเจอคงตอนไปอยู่ CMUสักสองวันกระมัง ช่วงนี้ก็จะเจอแต่พี่พยาบาลเวชฯเสียเป็นส่วนมาก ก็ดีเหมือนกันได้ฝึกทำงานร่วมกับสหวิชาชีพ

เช้านี้เริ่มงานที่คลินิกใกล้ใจ ก็เหมือนกับคลินิกเวชฯที่ผ่านมา แต่จะดูแลคนละตำบล ไม่ได้ดูแลในตำบลระโนดเหมือนอย่างคลินิกเวชฯ แต่ลักษณะการทำงานเหมือนกัน ดีหน่อยที่ตรงนี้ตั้งอยู่ในตัวโรงพยาบาล เราสามารถinvestigateเพิ่มเติมได้เลย หรือจะส่งต่อผู้ป่วยไปยัง OPD ได้ทันทีถ้าเป็นเคสหนักและมีปัญหามาก ทำงานกันอย่างเพลิดเพลินในช่วงเช้า มีคนไข้เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย คือที่นี่ดูจะมีคนตรวจน้อย มีห้องตรวจแค่สองห้อง เราก็อยู่อีกห้องหนึ่งมีพี่พยาบาลเวชฯอีกห้องหนึ่งช่วยตรวจ ดีอีกอย่างคือจะมีพี่ที่คอยจัดยาให้ ไม่ต้องจัดยาเอง แค่เรียกคนไข้วัด vital sign ซักประวัดิ ตรวจร่างกาย Dx Tx สั่งยา แล้วเดี๋ยวก็จะมีคนมาจัดยาให้ เราก็ไปจ่ายยาเองที่หลัง ค่อยเบาแรงหน่อย แต่คนไข้ก็เยอะเหมือนกัน (แต่คงไม่เท่า OPDหรอก)เผลอแป๊บเดียวก็เที่ยงเสียแล้ว อาหารเที่ยงวันนี้ดีเกิดคาด จัดเตรียมเหมือนมีงานเลี้ยงกันเลยทีเดียว เพราะว่ามีแพทย์มาประชุมอะไรสักอย่าง เลยจัดเตรียมอาหารอย่างดี ทั้งแกงส้ม ต้มจืดไก่ ไข่เจียวไส้สาหร่ายทะเลลึก ตบท้ายด้วยฝรั่งสดๆ ตัดเป็นชิ้นๆ พอดีคำ แหมๆ อาหารดีเลิศที่สุดแล้วล่ะตั้งแต่มาอยู่ที่ระโนดนี่ แต่ก็สามารถปรับตัวกันได้อย่างดีทุกคน อ้อๆๆ นอกจากนี้ยังจัดจานช้อนแก้วเป็นเรื่องเป็นราวอีก (ปกติครอบฝาชีเอาไว้)

ตอนบ่ายอุตส่าห์กำลังคิดว่าจะได้ไปเยี่ยมบ้าน แต่อาทิตย์นี้กลับไม่ได้เยี่ยมบ้านอีกแล้ว เพราะเราต้องไปทำประชาคมหมู่บ้าน ที่นี่เค้าน่ารักดีนะครับ ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ประชาชนหมู่ 2 ต.ท่าบอน มีความสนใจและให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพกันอย่างมาก การทำประชาคมครั้งนี้ด้วยมีงบประมาณจาก สปสช.มาให้ทำโครงการ โดยให้หัวละ 37บาท 50 สตางค์ เพื่อทำโครงการเกี่ยวกับการปัญหาสุขอนามัย งานนี้ได้รับความร่วมมือทั้งจากนายกอบต ประชาชนในหมู่บ้าน และ บุคคลากรทางสาธารณสุข เป็นความร่วมมือที่เกิดขึ้นที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายของทุกฝ่าย สำหรับงานที่ไปในวันนี้ อีกแล้ว...งานเข้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ต้องเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ 2009 แต่ดูชาวบ้านก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นก็เริ่มทำประชมคมโดยเราเป็นคนแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่ผ่านมาว่าสำหรับประชาชนหมู่ 2 ต.ท่าบอน มีอะไรบ้างคิดเป็นกี่เปอร์เซนต์ แล้วให้ช่วยกันออกความเห็นและให้คะแนน เป็นอันว่าทุกคนเห็นตรงกันว่าปัญหาเป็นเรื่องของระบบทางเดินหายใจ และอยากให้มีการป้องกันการเกิดไข้หวัด โดย เสนอให้มีการตั้งอ่างล้างมือตามที่สาธารณะ 3 จุด ที่วัด ที่ออกกำลังกาย และบ้านอบต.ที่จะมีคนผ่านไปมาเยอะมากมาย และเสนอให้มีการแจกผ้าปิดจมูกให้กับประชาชนทุกคนให้มีติดตัวเอาไว้ ใช้เวลารวมๆแล้วเกือบสองชั่วโมง

แม้ว่างานเยี่ยมบ้านของเราจะยังไม่ได้เริ่มวันนี้ แต่ก็ได้ไปพบกับประสบการณ์อีกรูปแบบ และพี่พยาบาลก็แนะนำให้รู้จักกับป้า กมลพร ที่เป็น CVA แต่ว่าสามารถเอาชนะอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงลงได้ ด้วยการทำกายภาพบำบัด และกำลังใจจากเพื่อนบ้านและคนรอบข้าง น่าติดตามทีเดียว พรุ่งนี้ได้ความอย่างไร น่าสนใจขนาดไหน ค่อยเล่าให้ฟังพรุ่งนี้แล้วกัน ถ้าไม่ต้องรีบปั่นงานพรีเซนต์

14/07/2009

บันทึกรักcororanod

สวัสดีวันอังคาร...
หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ตัว แต่รู้ตัวอีกทีฟ้ายังมืดอยู่ แว่วเสียงรายการโทรทัศน์ หรืออะไรสักอย่างเบา ในใจคิดว่าคงเผลอหลับไปเดี๋ยวเดียว ทุกคนคงกำลังดูโทรทัศน์อยู่ห้องข้างๆ เพราะว่าข้างๆตัวเราไม่มีใครนอนอยู่เลย หยิบ นาฬิกาขึ้นมาดู กลับต้องตกใจเพราะนี่เป็นเวลาห้านาฬิกา ของเช้าวันใหม่ เป็นเวลาแห่งดอกไม้บานและที่สำคัญเป็นเวลาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ แม้ว่าจะงัวเงียอยู่ไม่น้อย แต่พอได้ลุกเข้าห้องน้ำกลับตื่นเต็มตา อาบน้ำแต่งตัว ยังเช้าอยู่มาก และที่สำคัญยังไม่มีใครตื่นนอนเลย
หลังจากอยู่มาห้าวัน ก็เริ่มที่จะปรับตัวได้ ตลอดคืนไม่รู้สึกเลยว่าโดนยุงร้ายตอมหรือกัดจนต้องทำทานบริจาคโลหิตเหมือนที่ผ่านมา จากการพิสูจน์แล้วว่าตะไคร้หอมใช้กับยุงที่นี่ไม่ได้ผลต้องเป็นซอฟท์เฟลแบบน้ำใสฉีดพ่นตามร่างกายนี่แหละ work สุดๆแล้ว และที่สำคัญไม่ต้องกังวลกับยุงอีกต่อไปเพราะไม่ว่าอย่างไรยุงที่นี่ก็มากมายเช่นนี้เป็นปกติอยู่แล้ว เพราะใต้พื้นของโรงพยาบาลเป็นแอ่งน้ำตัวโรงพยาบาลเองตั้งอยู่บนพื้นน้ำ (จากคำบอกเล่า) เพราะฉะนั้นก็ต้องทำใจกับเจ้ายุงทั้งหลาย
เช้านี้แป๊กกับแปดไปราวด์ก่อนที่จะออกไปCMU มีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้รู้สึกแปลกใจ และกวนอารมณ์ให้ขุ่นมัวไม่น้อย ขณะที่กำลังราวด์อยู่ในวอร์ดเล็กๆ ทางเดินแคบๆที่จะผ่านไปได้เพียงไม่กี่คน ทั้งนศพ.แพทย์พี่เลี้ยง Extที่มาฝึกงานอยู่ ก็มากมายเสียเหลือเกิน แพทย์อาวุโสท่านหนึ่งได้เดินผ่านกลุ่มนั้นไป ต่างคนพยายามหลีกทางให้เท่าที่เป็นไปได้ แต่แล้วแพทย์อาวุโสท่านนั้นก็เดินกลับมาพร้อมกับคำพูดที่ว่า
“คุณควรที่จะให้เกียรติแพทย์รุ่นพี่บ้าง ควรที่จะหลีกทางบ้างมีสัมมาคารวะหน่อย” อะไรประมาณนี้ มองหน้าด้วยความงงๆ ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร หรือมาด้วยอารมณ์ไหน จากเหตุการณ์นี้ก็ออกจะทำให้เกิดความขุ่นข้องใจ การปรับตัวที่จะอยู่ในชุมชนไม่เพียงแค่ปรับให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมชนบท คนไข้ ยังต้องให้ความเคารพ มีสัมมาคารวะอย่างยิ่งกับแพทย์รุ่นพี่ และไม่ต้องคิดมากกับคำพูดคนอื่นเพราะว่าดูจะทำร้ายจิตใจให้เราขุ่นมัว อาจจะมีบ้างที่ติเพื่อก่อ แต่บางอย่างที่ไร้สาระก็ไม่ควรจะเก็บมาไว้ในอก
ไปออกทำงานที่คลินิกเวชเช่นเดิม ตรวจผู้ป่วยไปได้สักสองชั่วโมง พี่พยาบาลก็ชวนให้ไปยังชมรมผู้สูงอายุ ที่มีการประชุมกันทุกเดือน ดูผู้สูงอายุที่นี่คึกคักจริงๆเลย มีการทำกิจกรรมต่างๆมากมาย ทั้งพูดคุยกันเองในกลุ่ม มีการตรวจสุขภาพ วัดความดันโลหิต รวมถึงการให้ความรู้โดยบุคลากรทางการแพทย์ วันนี้ก็เช่นกัน มีการให้ความรู้จากพี่จากกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลระโนด ไปให้ความรู้เรื่องข้อเข่าเสื่อม และวันนี้พวกเราก็ต้องรับหน้าที่ตรวจวัดความดัน advice คุณลุงคุณป้าคุณตาคุณยาย ในการควบคุมความดันโลหิต คุมน้ำตาลเบาหวานเป็นต้น แอบดีใจไม่น้อย คุณยายหลายคนชมว่า หมอน่ารักจัง...ยกมือไหว้ก่อนด้วย พูดก็หวานเพราะจัง แอบดีใจลึกๆเหมือนกัน และดูจะมีแรงในการทำงานไปอีกนานตลอดวัน จริงๆแล้วก็ได้เรียนรู้มาจากพี่หมอที่โรงพยาบาลชุมชนตอนที่ไปselectiveปี4ว่า ยังไงเสียเรายกมือไหว้เขาก่อนไม่ได้น่าเกลียดอะไรเสียหน่อย ดีเสียอีกโดยเฉพาะคนมีอายุเค้าจะเห็นว่าเราน่ารักน่าเอ็นดู
ชมรมผู้สูงอายุที่นี่ เป็นของตำบล ระโนดที่รับผิดชอบโดยคลินิกเวชปฏิบัติ เป็นผู้ก่อตั้งได้ประมาณ 3 ปีแล้วล่ะ ก่อนหน้านี้มีแต่ชมรมของโรงพยาบาลระโนดแต่ระยะหลังได้แยกออกมาในแต่ละตำบลแยกจัดออกมา มีการประชุมทำงานดำเนินการกันเองในสมาชิกชมรม เข้มแข็งมากๆ เลยเชียว ส่วนอาหารว่างในการทำกิจกรรมก็ได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาล
เที่ยงนี้คนขับรถลืมมารับอีกแล้ว... พี่พยาบาลก็นั่งรอพวกเรากลับ เพื่อจะกินก๋วยเตี๋ยวที่พองจนเส้นอืดแล้วอืดอีก ที่จริงเราน่าจะกินกับพวกพี่ๆเค้าไปกันเลย
บ่ายนี้กลับมาเข้าประชุมอสม. งานนี้เล่นเอาเราอึ้งกันไปเลย เพราะว่าพี่ๆ ก็บอกว่า เดี๋ยวให้น้องหมอสองคน ช่วยพูดเรื่องไข้หวัดใหญ่ 2009 และ ไข้ปวดข้อ ชิคุนกุนย่า หลังจากบอกได้3นาทีก็ให้เราสองคนออกโรงพูดกันเลย เรียกรอยยิ้มจากกลุ่มอสม.ได้ไม่น้อย อสม.ที่รับผิดชอบโดยคลินิกเวชฯเป็นของหมู่ 1 2 3 4 6 รวมแล้ว 126 คน มีงบประมาณสนับสนุนเดือนละ 600 บาทอีกด้วย แต่ว่างานนี้ต้องใช้ใจทำกันไม่น้อยเพราะค่าตอบแทนอันน้อยนิดเทียบแล้วไม่คุ้มค่ากันเลยทีเดียว อสม.จะมีประชุมใหญ่ทุกวันที่13ของเดือน แต่ดูเหมือนวันนี้จะล่าช้าไปหน่อย ก็มีการตกลงในการส่งรายงานปฏิบัติงานของอสม. การให้ความรู้เกี่ยวกับโรคที่ควรป้องกันระวัง และดูแลเฝ้าระวังในชุมชนหากพบก็ต้องรีบรายงานเจ้าหน้าที่ และพร้อมกับรับเงินเดือน กว่าจะประชุมเสร็จก็สี่โมงเย็นเข้าไปแล้ว ได้เวลากลับแล้วล่ะครับ ทำให้งานตอนบ่ายเราดูไม่น่าเบื่ออย่างที่คิดไว้ในตอนแรก
บรรยากาศยามเย็น สายลมพัดผ่านโบกดอกบัวให้โยกไหว แสงแดดที่ดูอ่อนล้า พระอาทิตย์คงจะเหนื่อยที่ทำงานมาตลอดทั้งวัน เสียงขิมดังก้องในศาลาริมน้ำ เด็กๆ6 -7 คนที่กำลังรุมล้อม คุณหมอหน้าเด็กที่กำลัง บรรเลงเพลงไทยอย่างไพเราะสอดเสนาะไปกับเสียงของสายลม ค่ำแล้ว กลับเข้าบ้านรีดผ้า ทำงานบ้าน อุทิศตัวเพื่อปวงชนกันต่อไป....

เยี่ยมนักศึกษา

น้องๆค่ะ
วันที่อาจารย์ไปเยี่ยม อาจารย์จะเดินทางไปแต่เช้า และกลับตอนบ่าย วัตถุประสงค์เพื่อดูชีวิตความเป็นอยู่(รอยยุงกัด ; ) ) และอยากจะเข้าร่วมการ Conference Case ของน้องๆกับทีมพี่เลี้ยงของโรงพยาบาล ฟังประสบการณ์เยี่ยมบ้านของน้องๆ
อาจารย์ที่ไปเยี่ยมมีอาจารย์พรหมศิริ อาจารย์พณพัฒน์ อาจารย์ธาดา และอาจารย์อรุณี อาจารย์ธาดาจะไปเยี่ยมน้องๆที่ควนขนุนแทนพี่ด้วยเพราะพี่มีติดประชุมที่กทม ค่ะ

ช่วงนี้ H1N1 2009 จะเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ ขอเน้นให้ใช้ Universal Prequation และรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอนะคะ สามารถ Download Guildline ได้จาก http://beid.ddc.moph.go.th/th/index.php?option=com_content&task=view&id=419303&Itemid=199 ค่ะ
Hathaitip

มันมาแล้ว

ขณะนี้มีผู้ป่วย H1N1 Admit บน ward โรงพยาบาลจะนะเรียบร้อยแล้วและผ่านการ confirm แล้วด้วยนะจ๊ะชาวจะนะนะจ๊ะนะ ซึ่งบริเวณระบาดเป็นแหล่งอาหารของพวกเราชาวจะนะด้วยนะจ๊ะนะ จงระวังนะจะติดได้นะจ๊ะนะ เพราะท่านอาจเป็นรายต่อไปก็ได้นะ

13/07/2009

ถามอาจารย์ จากระโนดครับ

เช้าวันศุกร์ที่เจออาจารย์อ่ะครับ ต้องทำอะไรบ้างครับ หรือคุยกันเฉยๆ แล้วตอนบ่ายที่มี case conference อาจารย์จะอยู่ด้วยมั๊ยครรัรบ

TO ก้องกริ๊

อิอิ

สวัสดีค่ะ บก.

บก.อยากมาเท่วจะนะหรอคะ ว่างๆ ก้อนั่งรถไฟมาสิคะ

เดวไปรับ มาเดินเล่นในตลาดจะนะกัลล

มี สนามบอลใน รร. หน้า รพ. เพื่อก้องกริ๊สนจัยนักบอล

เอ้ยมะใช่ สนจัยเล่นบอลลลล

ปล. ไร้สาระไปป่าวไม่รู้ โพสนอกเรื่อง อาจารย์จะว่าป่าวน๊าา??

อิอิ ไปแร้วค่ะ

12/07/2009

บันทึกรัก cororanod (ต่อ)

blog ที่รัก
สวัสดีวันจันทร์

หลังจากได้พักผ่อนกันมาได้สองวัน อันที่จริงก็ไม่ได้พักผ่อนเสียทีเดียว เพราะว่าได้ออกไปสำรวจวิถีชุมชนผ่านทางรถโดยสารประจำทางกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อคืนก็เป็นเหมือนทุกๆคืนที่ทุกคนแทบจะหลับๆตื่นๆสลับชั่วโมงกัน เพราะอะไรนั่นหรือ เจ้ายุงตัวเขื่อง รุมตอมกันเป็นฝูง... วี๊ดดดด ฉึก วี๊ดดดดด วี๊ดดดดด ฉึก ความเจ็บปวดแลกกับการทำทานบริจาคโลหิตให้กับยุงผู้อดอยาก รอยแผลเป็นจ้ำๆตามแขนทั้งสองข้าง แถมกลางคืนก็ไม่ค่อยได้นอน เดี๋ยวนี้ต้องปรับตัว เป็นนอนตอนบ่ายๆหลังเลิกงานแล้วตื่นตอนกลางคืน ไม่อย่างนั้น จะไม่ได้นอนเพราะยุงมันกัด

เช้านี้ก็ตื่นนอนด้วยความอิดโรย เพราะยุงกัดไม่ได้นอน เวลาตี5ครึ่งแล้ว ทนไม่ไหว ไม่นอนก็ได้ ลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วรอให้สว่างอีกหน่อยค่อยนอนต่อเผื่อยุงจะลดลงบ้าง (กลับไปนอนพักหลังจากหากินตลอดคืน)ทรมานใจไม่พอยังต้องมาทรมานกายแบบนี้อีก ช่างเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์เลย

วันนี้ออกปฏิบัติงานที่คลินิกเวชปฏิบัติเช่นเดิม ออกมารอรถที่บริเวณ เวรเปล ถึงที่คลินิกเวชฯประมาณ 8.30 น. คนไข้มารออยู่ข้างหน้าประมาณ 6-7 คน อ่ะๆ เล็กน้อยๆ ระหว่างที่รอจะตรวจคนแรก งานที่นี่ค่อนข้างที่จะone stop service เบ็ดเสร็จในคนเดียวจริงๆ ทำตั้งแต่เป็นพนักงานต้อนรับ พาคนไข้มาชั่งน้ำหนัก หา family folder เอง แล้วก็ซักประวัติ ตรวจร่างกาย diag treatment ปริ๊นซ์ป้ายยา จัดยา จ่ายยา advice ทำเองหมดเลยในคนเดียว โอ้โห... แจ่มแจ่วจริงๆ นี่ดีหน่อยที่เรามาตรวจ เราเลยไม่ต้องชั่งน้ำหนักกับหา family folderเอง แต่ที่เหลือจนจัดยา จ่ายยา เราต้องทำเองหมด ก็สนุกดีไปอีกแบบเนาะ

"น้องหมอๆ" เสียงพี่พยาบาลเรียกพร้อมกับกวักมือ ให้เข้าไปหา แล้วหันไปพูดกับพี่พยาบาลที่เป็นผู้ชายอีกคนหนึ่งว่า
"นี่ๆเดี๋ยวก็พาน้องหมอเนี่ยะไปช่วยตรวจสิที่โรงเรียน" พี่พยาบาลบอกแล้วหันมาพูดกับเราสองคนว่า
"พอดีที่โรงเรียนมีเด็กเป็นไข้หวัด จะให้หมอช่วยเข้าไปตรวจให้หน่อยนะ คัดกรอง ให้ความรู้ แต่ว่าพี่ขอเชคยอดก่อนว่ามีกี่คน ว่าแต่น้องหมอขับรถมอเตอร์ไซค์เป็นหรือเปล่า เพราะว่าไม่มีรถยนต์นะ เดี๋ยวขับตามพี่มาแล้วกัน" พี่พยาบาลที่เป็นผู้ชายกล่าว
ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมาย คว้ากระเป๋าเป้หนึ่งใบแล้วออกไปบึ่งมอเตอร์ไซค์ตามพี่พยาบาล ออกไปที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งของโรงเรียนระโนด

จากสภาพเราเห็นนักเรียนอยุ่กลุ่มหนึ่งนั่งรออยู่ที่ลานกีฬากว้างๆ หย่อมเล็กๆ อาจจะเป็นเพราะสนามกีฬาใหญ่ก็เลยทำให้เด็กๆกลุ่มนี้ดูมีไม่กี่คน เอาล่ะครับ เราจะย้ายเด็กกันไปยังโรงยิม แล้วก็จะตรวจคัดกรองกัน ทั้งหมดนี้เป็นเด็กที่มีอาการหวัด ไอ จาม มีน้ำมูก แต่ทุกคนไม่ได้มีไข้ เราก็ต้องมาดูว่าใครเพิ่งเป็น มีประวัติเดินทางไปหาดใหญ่ หรือกทม. หรือจังหวัดที่มีการติดต่อของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่หรือเปล่า แล้วก็รักษาตามอาการกันไปครับ เบ็ดเสร็จแล้วก็มีเด็กไม่มากครับ หลังจากตรวจนับเรียบร้อยก็ประมาณ 94 คน แว๊ก... ทำไมถึงเยอะขนาดนี้ได้ล่ะ ช้านมีกันอยู่แค่สองคนเองนะ แถมต้องรีบตรวจให้เสร็จก่อนเที่ยงด้วย เพราะเด็กๆเค้าจะกลับบ้านกัน

แต่งานนี้ถือว่าโชคดีครับเพราะว่า ผอ.ลงมาเองเลยในการให้ความรู้เด็กๆ เกี่ยวกับไข้หวัด การติดต่อ การป้องกัน อันที่จริงๆการโฆษณาผ่านสื่อค่อนข้างได้ผลมากเลยทีเดียว เพราะว่าเด็กๆดูมีความรู้กันมาก พี่ผอ.ถามอะไร เด็กๆตอบได้หมด ทั้งวิธีการป้องกัน ความอันตราย ความรุนแรงของโรค การติดต่อ ... แต่พอพูดจบ ดูเหมือนว่า เด็กๆจะทำทุกอย่างที่จะสามารถทำให้หวัดติดเพื่อนได้อย่างเร็วที่สุด ห้าห้าห้า นี่เค้าเรียกว่ารู้แต่ว่าไม่ทำหรือเปล่านะ?? หรือว่าไม่เข้าใจ?? ท่องได้เป็นนกแก้วนกขุนทองแต่ไม่เข้าใจและไม่ตระหนักสักเท่าไหร่ เอาล่ะก็ได้แต่หวังกันไปว่า เด็กๆเค้าคงจะเข้าใจจริงๆว่าห้ามทำ แต่เด็กก็คือเด็กน่ะ บอกให้ปิดแมส ล้างมือบ่อยๆ แต่ไม่ได้ห้ามพวกหนูวิ่งไล่จับกอดคอหัวเราะด้วยกันนี่ครับ เด็กๆเลยใส่แมสแบบหลวมโพรก(ก็ใส่แล้วไง) เอามือที่จับแมสที่พร้อมจะกระจาย dropletออกมาได้ทุกเมื่อ ไปวิ่งเล่นตบแปะกัน อ้าว... แม้จะล้างมือหลังเล่นไปแล้วเพราะโดนพยาบาลขู่แกมบังคับ (ก็ยังล้างนะแม้จะหลังจากแพร่เชื้อไปแล้วก็ตาม)พี่ผอ. ก็ได้แต่สอนเด็กๆ และก็จัดระเบียบแถวพยายามให้เด็กน้อยวัยอนุบาลและประถมตั้งใจฟัง แล้วปล่อยให้เราสองคนตรวจต่อไป งึงึ

การตรวจเด็กอนุบาลโดยที่ไม่มีผู้ปกครอง ถึงแม้จะประถมต้นแล้วก็เหอะ มันช่างยากเย็นเสียนี่กระไร พูดกันก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง จำได้ว่าตอนเรียนเด็กที่รพ.หาดใหญ่ เด็กอายุขนาดนี้ก็จะมีแม่มาด้วยนี่นา วันนี้เป็นการฝึกcommunication skill อย่างมากเลยทีเดียว คุยกับเด็ก ดีนะ เค้าไม่ให้ตรวจเด็กเตรียมอนุบาล แย่จังเลย เด็กบางคนก็น่ารักน่าเอ็นดู เด็กบางคนก็ได้แต่พยักหน้ากับส่ายหัว บางคนยิ่งแย่กว่า น้ำมูกย้อยอย่างเดียวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เวลาเจอหน้าที่เหลือแต่ตาของเรา ก็ใส่แมสนี่จะให้เห็นรอยยิ้มจากปากได้ไง (แต่เหมือนเคยได้ยินว่าคนไข้เค้ารู้เห็นรอยยิ้มของหมอในขณะตรวจแม้จะใส่แมสอยู่นี่นา)เรายิ่งรักเด็กอยู่ด้วย เจอเด็กแบบนี้ยิ่งอยากจะร้องไห้ จำได้ว่าตอนปี4 ที่ไปรพช. ก็เป็นสภาพแบบนี้เหมือนกัน พี่ยกOPDให้หนึ่งห้องแล้วก็ให้เราตรวจเอง เจอเคสเด็กทีไร ไม่เจอเด็กถีบ ก็ต้องเจอเด็กร้องไห้ไม่ยอมให้ตรวจ ประมาณ90%ของเคสที่เจอ เราคงไม่เหมาะสมกับอะไรบางอย่างแน่เลยนะ

กว่าจะเสร็จก็เกือบจะเที่ยงแล้ว คนรถมาคอยอยู่ที่คลินิคเวชฯเรียบร้อย ต้องรีบกุลีกุจอขึ้นรถ กลับไปทานข้าวเที่ยงที่รพ.แล้วออกมาใหม่ตอนบ่ายโมงอ่า... รู้สึกว่าบ่ายนี้จะไม่ได้เยี่ยมบ้านอีกแล้วนะ เพราะอะไรน่ะเหรอ??? พี่ที่คลินิเวชมีประชุมฝ่าย แต่เค้าให้เราช่วยตรวจตอนบ่ายล่ะ ไม่ค่อยมากมายอะไร จะบ่าย3แล้วตรวจได้แค่ 3 เคสเอง เพราะมีพี่พยาบาลตรวจอยู่อีกห้องหนึ่ง คนที่มาที่สี่ส่วนมากไม่ค่อยเป็นอะไรมากหรอก อย่างยายคนนึงก็ คันเป็น allergic dermatitis มารับยา แต่ดูเหมือนแกจะชอบให้เรานั่งฟังแกเล่าโน่นเล่านี่ ดูแกจะดีใจที่เห็นเราเพราะแกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่บอกว่าดีจังวันนี้มีหมอใหญ่มาตรวจด้วย แม้illnessแกจะบ่นโน่นบ่นเป็นนั่นเป็นนี่ แต่ก็นั่นแหละ พอเราพูดอะไรไป ดูแกก็รับฟังแล้วก็บอกว่า จ๊ะหมอ ... อ้อช่าย... อือ... หมอพูดถูก ห้าห้าห้า อะไรประมาณนี้ แม้ก่อนหน้านี้จะมีหลานหรือคนในบ้านสักคนมารับยาแทนแกแล้วจะโวยวายมากไปสักหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร พี่พยาบาลบอกยายแกว่า เนี่ยะหลานมา"ชุ่น"ตะโกนอยู่เสียงดัง แกเลยบอกว่าคราวหลังยายมาเองก็ได้ ดูแกมีความสุขนะที่ได้พูดให้เราฟัง เหมือนคนที่นี่ไม่ค่อยฟังอะไรแกสักเท่าไห่ แต่ก็ไม่แน่หรอก แกอาจจะพูดเสียจนเค้าเหนื่อยจะฟังแล้วก้ได้ เรามันก็คนใหม่นี่นะเพิ่งจะเคยเจอยายก็ยังพอรับได้บ้างไรบ้าง

วันนี้ไม่ค่อยมีเวลาเขียนอะไรให้ภาษามันวิจิตรบรรจงนัก เอาไว้มีอารมณ์นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ ยุงไม่กัด ค่อยมาเขียนdiaryใหม่ ที่จริงที่เขียนเล่าให้ฟังก็เป็นประสบการณ์เล็กๆน้อย และก็เป็นประสบการณ์ เดียวกันที่ได้เขียนลงบันทึก rural doctor น้อยๆอีกด้วย

คิดถึงเพื่อนๆทุกคนจัง หวังว่าคงจะมีความสุข งานไม่หนักมากไปนะ... ร๊ากทุกคน

ปอลอจุด ควนขนุนอ่ะ เข้ามาเม้นบ้างอะไรบ้างสิเงียบเชียว

@จะนะ นะจ๊ะ

โย่ว พวกเรา โบว์ ยาย แจง บี แมว เฟิสตี้ กุ๊กไก่

มาส่งข่าวแล้วคะ

หุหุ พอดีว่า ยุ่งๆคะ เรยไม่ได้เข้ามาส่งข่าวคราว

เอิ๊กๆ

ไม่หรอก พ้อยคือ ไวร์เรส ที่ห้องพัก มันต้องจ่ายตังอะ เปนสัญญาณของร้านเนตแถวๆรพ

20 ชม. 100 บาท เพิ่งไปซื้อ ชม.มาเนี่ยะ

เพราะ ไวร์เรส รพ. มันมาไม่ถึงห้อง

แต่ ไม่เปนไรคะ ที่นี่ สบายมากคะ

รพ.กว้าง หย่ายดี รพ.อยุ่ในตัวอำเภออะ

ห้องพัก เรานอนห้องละ 2 คน เปน ห้องพิเศษ อ่าคะ

ห้องพิเศษก้อไม่มีรายมากหรอก มีแอร์ มีทีวี มีที่นอน มีน้ำอุ่น มีตู้เย็น มีจาน ช้อน กระติกน้ำร้อน โต๊ะกับข้าว

อืมๆ แค่นี้แหละ อ่อ มีตู้เสื้อผ้า สองตู้ แค่นี้เอง .....อิอิ

ตอนเยน ไปพวกเรา ขอพี่เค้า ออกไป เซเว่น

ไปเดินดูเมือง จะนะ กว้างดี เดินกันเต็มถนนเลยยยย

เอิ๊กๆๆ

.......ส่วนงานวันแรกเราคือ วันศุกร์

มีราวน์วอร์ดเช้า แล้วก้อ สายๆ ไป ออกชุมชน

ร้อนค่ะ มากมาย นั่งรถrefer ไป แถว บ้านควนหัวช้างไรซักอย่าง

คือว่า ไปทำแบบสำรวจสุขภาพชาวบ้าน ว่าได้ผลกระทบจาก โรงไฟฟ้า จะนะ บ้างรึป่าว

เปน โครงการวิจัยของ พี่หมอสุพัฒ กะ อ.ชนนท์ ที่มอ. อ่าคะ

พวกเราก้อไป ช่วยแจกเอกสาร ให้ชาวบ้าน

...................... เหนื่อยเหมือนกัล หุหุ

ได้คุย กะ สตรีดีเด่นที่ได้รางวัล UN สาขาอะไรซักอย่าง ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมนี่แหละ

เค้าเล่ามันมากเรย เล่าว่าตอนนั้นที่เค้านำประท้อง ท่อก๊าซเนี่ยะ โดนจับเข้าคุก ต้องหนีเข้าป่า

โน่น นี่นั่น มากมาย .................เล่าอยู่นานมาก หุหุ

พอประมาณ สี่โมงเยน ก้อกลับอะ

มาอยู่เวร

...........................ไม่รู้จะเล่าอะไรแล้ว

คงออนนานๆไม่ได้ จ่ายตังค์ๆๆ

บอกอาจารย์ ขอ ค่า อินเตอร์เนต ด้วยได้มั้ยคะ อิอิ

อะ ล้อเล่น

คิดเถิง เพื่อนๆ ทู๊กคนนนนนนน นะคร่า

มีรูปสวยๆมาฝากค่ะ

"ทุกๆหนทางที่เดินผ่านไป จะมีความงดงามอยู่เสมอ"
ขอให้มีความสุขกับการเรียนที่ โรงพยาบาลชุมชนนะคะ
Hathaitip.


ถึงน้องๆที่รพช.

น้องๆค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ? ได้ฟังเสียงจากระโนด เทพา ควนขนุน แล้วแต่ยังไม่ทราบชะตาของน้องๆที่จะนะเลย

เวลาผ่านไป 4 วันแล้ว หวังว่าชีวิตคงจะลงตัวขึ้นนะคะ

มีคำกล่าวว่า เวลาที่เราต้องย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในที่ที่ไม่เคยไปไม่ว่าจะดีกว่าที่เคยอยู่หรือแย่กว่าที่เคยอยู่แค่ไหน จะเกิดอาการ "Cultural Shock!!!!" ขึ้น ; ) และต้องอาศัยเวลาเล็กน้อยในการปรับตัว กว่าจะปรับตัวได้ก็เฉลี่ยประมาณ 3 เดือนค่ะ ; ) เพราะฉะนั้นน้องๆอาจจะกลับมาด้วยอาการของ Cultural Shock อยู่ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องสงสัยตัวเอง

วิธีที่จะให้อยู่รอดได้ดีที่สุดก็ลองศึกษาดูนะคะ ว่าคนแถวนั้นเขาอยู่กันอย่างไร ท่ามกลางความลำบากที่ไปเจออาจจะมีอะไรสวยๆงามๆ ซ่อนอยู่ที่รพช. และเป็นโอกาสให้น้องได้เรียนรู้อีกมากมายเป็นของจริง ชีวิตจริงของพี่ๆที่แต่ละที่จะมีแบบอย่างที่ดีให้ทำตามแตกต่างกันออกไป

เมื่อเริ่มเข้าใจวิถีชีวิตของคนที่นั่น ก็จะสามารถนำความรู้ทางแพทย์แผนปัจจุบันไปประยุกต์ใช้ได้ค่ะ

น้องๆที่ระโนด ดูเหมือนจะลำบากสักหน่อยนะคะ แต่น้องๆจะเก่งที่สุดในการปรับตัวค่ะ ถ้าผ่านด่านนี้ไปด้วยดีเอาใจช่วยนะคะ มีอะไรปรึกษาพี่เกตุนะคะ

น้องๆทุกคน ถ้าไม่สบายเจ็บป่วยมากต้องรีบบอกนะ อย่ารักษากันเองนะค่ะ รอจบเป็นคุณหมอเต็มตัวก่อน ; )

บันทึกรัก cororanod

blog ที่รัก

สวัสดีวันอาทิตย์

เมื่อคืนแทบจะนอนไม่หลับ เพราะบรรดายุงตัวเขื่อง แว๊กกกก ยุงลาย ฮือ... น่ากลัวเหลือเกิน กว่าจะหลับตาลงได้ อยู่ที่นี่คงได้หลับได้นอนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งๆที่พยายามข่มตามากว่าชั่วโมงแล้ว ครั้นได้หลับลงไป ก็ต้องสะดุ้งตัวตื่นเพราะรู้สึกเหมือนเข็มเล็กแหลม แทงลงไปผ่านผิวหนัง ไม่นะ เหนื่อยแล้ว อยากนอน

อรุณสวัสดิ์ เป็นคำพูดที่เรียกได้ว่าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำสำหรับวันนี้ แสงอาทิตย์อ่อนๆที่เพิ่งจะทอแสง ดุจบุษราคัม งามงดวุ้งเวิ้งอยู่ ณ ปลายฟ้า มองลอดผ่านหน้าต่างบานน้อยที่ผุพังไร้คนดูแลมานาน ปทุมเหลืองอ่อนอำไพ โบกไสว พลิ้วไปกับสายลม ผิวน้ำระรวยริ้วเป็นคลื่นน้อยๆ สาดซัดเข้าขอบสระบัว ศาลาน้อยที่ทอดตัวลงไปในน้ำดูสงบร่มเย็นยิ่งนัก เริ่มปรับตัวและทำใจได้ในระดับหนึ่งแล้ว

หกโมงเช้า อากาศเย็นๆปลุกให้เข้าห้องน้ำ แปลกที่ตาสว่างไม่งัวเงีย เข้าห้องน้ำจัดการกับภารกิจส่วนตัว รีบรุดขับจักรยานยนต์ขันสวย อำนวยความสะดวกจาก พี่ศูนย์ใกล้ใจ แต่ต้องแบ่งกันใช้กับพี่ Ext เช้านี้พวกเรามีกิจกรรม สำรวจและท่องเที่ยวสักเล็กน้อย นั้นคือไปตลาดนัดวันอาทิตย์ ที่สงขลา วี๊ดวิ้วววว สายลมที่ผ่านหน้ามาเย็นจนหน้าชา มุ่งหน้าไปยังคิวรถระโนดสงขลา รถคันแรกได้ผ่านสวนทางผ่านเราไป เมื่อถึงคิวรถก็ได้รู้ว่า ยังมีรถเที่ยวต่อไปอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า ต้องรีบกลับมาปลุกเพื่อนๆอาบน้ำอาบท่าเสียให้เรียบร้อย

เมื่อทุกคนพร้อมเดินทาง ก็ออกไปรอรถที่จะผ่านหน้าโรงพยาบาลมุ่งสู่ตัวจังหวัดสงขลา เพียงครู่เดียวรถเมล์สีแดงคันใหญ่ก็แล่นมาจอดเบื้องหน้าพวกเราอย่างเชื่องช้า พร้อมกับสมาชิกบนรถอีกไม่มากนัก รถค่อยๆแล่นออกจากหน้าโรงพยาบาล ไม่รีบร้อนตามประสารถโดยสาร ที่แวะรับส่งผู้โดยสารตลอดระยะทาง ราคาเบ็ดเสร็จ 60 บาท ส่งตรงถึงสงขลา บนรถเมล์มีผู้คนมากมาย คุณลุงคุณป้า ที่กำลังจะไปตลาดนัด คุณแม่ที่พาลูกสาวจะไปตัดแว่นใหม่ คุณยายที่กำลังหิ้วกระเป๋าสานใบเขื่องขึ้นมาบนรถ เตรียมตัวไปเยี่ยมลูกหลานที่ไหนสักแห่ง หลากหลายผู้คนบนรถเมล์ หลากหลายกิจกรรมบนรถที่ทำให้เราได้เรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คน การไปเที่ยวครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อความสนุกสนาน แต่แฝงไปกับการศึกษาบริบททางสังคม การสัญจรไปมาในแต่ละที่แต่ละแห่ง จุดมุ่งหมายปลายทาง จะบอกได้ว่าแต่ละคนมีวิถีชีวิตเป็นเช่นไร หากเป็นคนเมือง คงจะโดยสาร รีบเร่งเพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง ทำงาน โดยแทบไม่ได้สนใจหรือมองไปยังสถานที่รอบข้างว่ามีการเปลี่ยนแปลงเช่นไรบ้าง หากแต่วิถีคนในชนบทเช่นนี้ การขึ้นมาบนรถโดยสารก็ไม่ต่างอะไรกับการไปออกงานสังคมย่อยๆ ที่จะต้องเจอผู้คนที่รู้จัก ทักทายกันแทบจะต้นยันท้ายรถเลยทีเดียว เห็นแล้วก็ดูอบอุ่นไม่น้อย การเดินทางไปไหนก็ดูไม่ค่อยน่ากลัว เพราะ ต่างคนต่างรู้จักและช่วยเป็นหูเป็นตาให้กันและกัน จากฟากนี้ตะโกนไปฟากโน้น ทักทายปราศรัยกันเป็นระยะๆ ภาพที่เห็นคุณแม้อุ้มลูกขึ้นมาบนรถ หน้าตายิ้มแย้มทักทายคุณย่าคุณยาย โอบอุ้มลูกน้อยไว้แนบอก ค่อยๆป้อนข้าวเหนียวหมูปิ้ง อาหารง่ายๆยามเช้า ทำให้อดอมยิ้มไม่ได้

ลมเย็นโกรกผ่านกระจกแรงจนผมปลิว แสบตาไปหมด เหมือนคุณลุงข้างหน้าจะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น หรือเพราะลุงแกก็รู้สึกเช่นเดียวกับพวกเรา จึงเอื้อมมือมาช่วยเราปิดหน้าต่างที่ส่วนหนึ่งล้ำไปอยู่ฝั่งคุณลุง ความมีน้ำใจที่เราไม่อาจจะปฏิเสธได้ มีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ออกจะเป็นข้อโดดเด่นเหลือเกินสำหรับคนที่เราชาวเมืองมักจะบอกว่าเป็นพวกบ้านนอก และใช้ความมีน้ำใจของพวกเขาเหล่านั้น หาผลประโยชน์กันมากมาย ทิวทัศน์รอบข้างที่ผ่านไปน่าสนใจจนเข้ามาแทนที่ความคิดต่างๆที่ฟุ้งอยู่ในหัว ทุ่งนา ป่าเขา ที่ดูเป็นเรื่องปกติของแถบนี้ ก็ดูแปลกตาสำหรับคนที่อยู่ในเมืองมานานเช่นเรา ภาพการแต่งกายที่แปลกตาไม่ได้intrainไม่ได้modernไม่ได้ล้ำสมัยตามยุค เหมือนกับที่กำลังโด่งดังในชีวิตสังคมเมืองที่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง ด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ ข้อนี้คงไม่ปฏิเสธตัวเองก็พยายามทำตัวให้ดูดีขึ้นด้วยการแต่งกาย สร้างบุคคลิกภายนอกให้ดูน่าสนใจ แต่ที่แห่งนี้คงไม่เป็นเช่นนั้น เสื้อผ้าสีทึมๆ ง่ายๆ เสื้อยืดกับกางเกง หรือจะเป็นเสื้อกับผ้าถุงอีกสักผืน ก็เพียงพอสำหรับที่จะออกไปตลาดนัด ไปวัด หรือไปทำธุระใดๆใกล้บ้าน ก็ไม่เห็นมีใครมองว่าแต่งตัวไม่ได้เรื่อง หรือไม่ทันยุคทันสมัยอันใด

ผอยหลับไปนานเท่าไรไม่ทราบ รู้ตัวอีกทีก็เห็นภาพสายฝนข้างนอก ประปราย เทลงกระทบกระจกเปาะแปะ ภาพข้างนอกดูจางหายเพราะสายฝนอีกรอบ รถก็แล่นสู่ตัวจังหวัดสงขลาต่อไป...


กิจกรรมวันนี้ไม่มากมายอะไร เพียงแค่เปลี่ยนที่รับประทานอาหารใหม่ เดินตลาดนัด สำรวจวิถีชุมชน ค่อนไปทางเมืองนิดๆ แต่อะไรๆก็ยังดูแต่งต่างจากในหาดใหญ่ เช่น อาหารการกิน รู้มั๊ย ยังมีการขายพวกรากไม้รากสมุนไพรหลากสรรพคุณกันอยู่เลย นี่ขนาดว่าตัวจังหวัดแล้วนะ แล้วในระโนดจะมีบ้างหรือเปล่านะ

บ่ายๆ ก็กลับระโนดกัน อิ่มท้อง อิ่มใจ บนรถขากลับ ยืนจนถึงระโนดกันเลยที่เดียว เมื่อยก็เมื่อย แต่ว่านะ... นี่แหละความเป็นจริงที่เราจะต้องเจอ แม้ต้องเบียดเสียดกันบ้าง แต่ลุงข้างๆก็ยืนอยู่เป็นเพื่อน ปากก็เล่าโน่น โม้นี่ไปเรื่อยๆ ก็เห็นแกมีความสุขดีแม้จะต้องยืนจนเกือบๆจะถึงระโนดเลยทีเดียว แม้จะประหลาดใจ แต่ก็อดที่จะยินดีที่เห็นความอดทนไม่ได้

ประสบการณ์ครั้งนี้ก็ส่งเสิรมการมาอยู่โรงพยาบาลชุมชนได้ไม่น้อย

11/07/2009

บันทึกรัก cororanod (ต่อ)

สวัสดีวันเสาร์

หลังจากที่ตกใจ แปลกใจ กังวลใจ หรืออะไรต่างๆในการทำงานวันแรกที่ผ่านมา วันนี้จึงขอออมแรงกันเสียหน่อย สมาชิกในบ้านของเราวันนี้ลดจำนวนลงเป็น 5 คนเพราะติดภารกิจต้องไปติว NT ที่รพ.หาดใหญ่

แสงแดด ไม่ใช่แสงสีนวลเฉกเช่นวันวาร เป็นสัญญาณเตือนว่าขณะนี้ สายเสียเหลือเกินแล้ว เอ๊ะ... ทำไมสิ่งของรอบตัวจึงเปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อวาน .......ที่นี่ที่ไหนกันนะ

ตั้งสติได้จึงรู้ว่าเมื่อคืนนอนผิดห้อง เผลอหลับไปห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จำไม่ได้ รู้ลางๆแค่ว่าดูกบนอกกะลา แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย รีบเปิดดูใต้ผ้าห่ม เอาล่ะ เสื้อผ้ายังอยู่ครบ มองไปรอบตัว ด้วยความอ่อนเพลีย เมื่อวานเพลียมากสำหรับการไม่สบายครั้งนี้ ไอ จนเหนื่อย เช้านี้ กว่าจะหายใจได้แต่ละทีต้องออกแรงเยอะผิดปกติเหมือนได้ยินเสียง วี๊ดๆอยู่ตลอด (แต่เราไม่เคยเป็น asthma นี่นา) จากนั้นก็ผอยหลับไปอีกรอบ จากอาการปวดหัวตุ้บๆ... ได้แต่ภาวนาให้ภาพที่เห็น ห้องที่นอนอยู่เป็นเพียงแค่ฝันร้าย

อีกนานเท่าไหร่ไม่รู้ก็ สะดุ้งตื่นด้วยเสียงคนงานก่อสร้างข้างบ้านที่มาปรับปรุง ซ่อมแซมบ้านข้างๆ แต่ไม่เห็นมีวี่แววคนที่จะมาต่อเติม บานเกร็ดให้เราเพื่อต่อสู้กับยุงร้ายเสียที ดีดตัวเองออกมาจากที่นอนแข็งๆ รีบรุดเข้าห้องน้ำอาบน้ำ ปลุกคนโน้นคนนี้ที่ดูแล้วจะไม่มีวี่แววตื่นเลย กว่าจะเรียบร้อยกันก็สิบเอ็ดโมงเศษ เดินกันอย่างอ่อนแรงไปโรงครัว สองคนที่ยังไม่ได้อาบน้ำและอาบแล้วสามคน

ตลอดทางแทบไม่มีคนอยู่เลย ว้า...เงียบจริงๆ มีเพียงแม่บ้านหนึ่งคนที่แวะทักทายกันระหว่างทาง หลังจากปฏิเสธคำเชิญที่จะให้ร่วมกินปิ่นโตปิ๊กนิกหน้าห้องน้ำหญิง ขอบคุณมากนะป้า แล้วเราก็เดินต่อไปยังโรงครัว อาหารที่ตั้งเตรียมไว้สำหรับ 7 คน ดูเล็กน้อไปเลยเมื่อสมาชิกของเราบางคนที่สามารถจัดการกับอาหารเหล่านั้นได้เกลี้ยงโต๊ะ อาหารที่นี่ก็ค่อนข้างต้องปรับตัวกันสักเล็กน้อย ไม่ได้เอร็ดอร่อยเหมือนกับบ้านเรา แต่เลือกไม่ได้นี่ครับ อาหารเช้าที่นี่นอกจากข้าวต้มแล้วไม่มีอย่างอื่นให้ทานเลย พวกเราเกินครึ่งที่ไม่ทาน ทำให้แม่ครัวบอกว่า "คราวหน้าไม่จัดอาหารเช้าแล้วกันนะ" กลายเป็นว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจะไม่มีอาหารเช้าให้เรากิน คงต้องหากินกันเองแล้วล่ะ คงลำบากไม่ใช่น้อยนะเนี่ยะ

วันหยุดถ้าไม่ได้ทำอะไรในรพช. ช่างเหงา และเหงาเสียเหลือเกิน ก็ได้แต่ทำงานบ้าน กวาดบ้าน ซักผ้า รีดผ้า ตามเรื่องตามราว อากาศยามเที่ยง ร้อนจน อยู่เฉยๆ เหงื่อก็ออกราวกับเอาน้ำมาราดสักสองขัน ใครหนอจะเข้าใจ พัดลมเพดานที่พัดเบาๆ ราวกับกลัวว่าหากพัดแรงกว่านี้แล้ว ตัวเองจะหลุดออกมาเป็นเสี่ยงๆ วันก่อนแป๊ก โดนพัดลมตีเพราะกำลังใส่เสื้อไปรอบหนึ่ง แผลเหวอะไปเลยที่เดียว ดีนะที่อยู่ในโรงพยาบาล จึงสามารถช่วยเหลือไว้ได้ทัน น่าสงสาร ตอนนี้เวลาจะสวมเสื้อ หรือชูมือแต่ละครั้งก็ต้องระวัง เสียวๆว่าพัดลมจะตีโดนมืออีกคน

งานสบัดไม้บนสายเสียง ทำให้คลายเหงาบ้าง ดูก้องกริ๊จะมีความสุขไม่น้อย ที่ได้บรรเลงเพลงขิม ให้เพื่อนบ้านละแวกนั้นได้ฟัง ยังดีที่มีพี่ Ext อีกสามคนที่ให้ได้ร่วมสนทนา แลกเปลี่ยนความคิด คลายเหงาได้บ้าง การค้นพบว่า internet ในบ้านพักก็ติด เป็นอีกกิจกรรมลดเบื่อลง

หากอยู่ในชุมชนแบบนี้ แล้วเราไม่รู้จักใครเลย อยู่เพียงคนเดียว คงแย่พิลึก อยู่คนเดียว ไม่ต้องคุยกับใคร เค้าอยู่กันได้อย่างไรนะ??? เป็นอีกเรื่องที่ต้องค้นหา แล้วกิจกรรม วันว่างของพี่ๆที่นี่เค้าทำอะไรกันบ้างเหรอ เป็นเรื่องชวนฉงนอีกครั้ง

เค้าบอกให้ว่างๆ ทำงานจิตอาสา วันนี้ก็ขอทำงานจิตอาสาเป็นคนให้คำแนะนำ รับปรึกษาชีวิต ตลอดบ่ายแก่ๆ ถึงค่ำต้องนั่งพูดคุยกับ Ext ที่ดูจะมีปัญหาชีวิตรุมเร้า ค้นหา illness ออกมาจากจิตใต้สำนึก นึกถึงคอร์สภาษาอังกฤษที่น้องหญิงจันทร์จิราไปเรียน "ภาษาอังกฤษจากจิตใต้สำนึก" เป็นอย่างนี้นี่เอง

เหงา เหงา เหงา บอกไม่ถูก ค่ำแล้ว พรุ่งนี้จะทำอะไรดีนะ...

10/07/2009

บันทึกรัก cororanod (ต่อ)

blog ที่รัก
สวัสดีวันศุกร์

เช้าวันแรก อากาศเย็นๆที่ปลุกให้ตื่น แม้ไม่อยากลืมตาขึ้นมากนักเพราะยังเช้าอยู่ แต่ตาก็สว่างเสียจนไม่อยากจะนอนขดอยู่บนเตียง 6โมงเช้า อากาศช่างแตกต่างจากเมื่อวานก่อนนอนเสียเหลือเกิน สามสาวนอนด้วยกันสามคน หัวขวดสองคนนอนกับน้องพิว ส่วนก้องกริ๊โดนทิ้งให้นอนคนเดียวข้างบน ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง ช่วงนี้ดูเธอไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ไอได้ตลอดเวลาจนคนแดง เห็นอมแต่ยาอมมะแว้ง ไม่รู้จะได้เรื่องหรือเปล่า เห็นว่าเป็น illness ล่ะ เนื่องจากไข้ใจ อิอิ

น้ำที่เปิดเต็มไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพราะว่าถูกเตือนไว้ว่าตอนเช้าน้ำจะไม่ไหลเพราะใช้กันเยอะ บ่งบอกให้รู้ว่าเราเป็นคนแรกที่ตื่นขึ้นมา แสงแดดอ่อนๆ ค่อยๆทอแสงมาจากขอบฟ้าฝั่งตะวันออก ยิ่งทำให้สดชื่น ตื่นเต็มตายิ่งขึ้น สายน้ำเย็นๆจากขันที่รดตัว ช่างเย็นสบาย แต่น้ำก็ไม่ได้เย็นจัดนัก สภาพห้องน้ำแสนเล็ก บนผืนน้ำในถังก็เป็นคราบมันๆ หันไปรอบตัวแม้แต่ราวตากผ้าในห้องน้ำก็ยังไม่มี น้ำตาอุ่นๆก็รินไหลออกมาอีกครั้ง เอาน่า...ปลอบตัวเอง คงดีกว่าเด็กนักเรียนในปอเนาะตั้งเยอะนะ แข็งใจอาบน้ำต่อไป เดินกลับมายังบนที่นอน แทบจะกระโดดลุกออกอย่างเร็ว คราบเลือดบนที่นอนนี่คืออะไร เปรอะที่นอนไปหมด ทีแรกนึกว่าเป็นระดู แต่ก็คงไม่ใช่ สำรวจไปรอบๆ ก็ได้พบกับต้นตอ นั่นคือซากยุงหลายสิบตัวที่นอนตาย เลือดซึมไหลเลอะผ้าปูที่นอนไปหมด ชวนให้คิดเสียเหลือเกินว่าเมื่อคืนนี้เกิดสงครามขนาดย่อมจนต้องล้มตายกันเลยหรือ???

ภารกิจเช้านี้ ต้องไปหาอาหารกันทานที่โรงครัว โดยมีเพียงคำใบ้สั้นๆจากพี่ว่า "เดินตรงไปเลี้ยวซ้ายที่หอผู้ป่วย ตรงไปและตรงไป" ขอบคุณสำหรับคำใบ้มาก คงจะดีไม่น้อยหากจะพาพวกเราไปเดินทัวร์กันสักนิด แต่ก็ไม่เป็นไร สบายมาก แต่ว่าไอ้ห้องที่พี่นัดประชุมเช้านี้นี่สิมันอยู่ที่ไหน พี่ก็บอกใบ้แค่ว่า "ห้องกระจกใสๆ ใกล้ๆบันได" เอ่อ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันชื่อห้องว่าอะไร อ้าว..แล้วพวกเราจะรู้ไหมล่ะเนี่ยะ

ข้าวต้มมื้อแรกเย็นชืด สามสาวกับน้องแปดเท่านั้นที่รับประทานอย่างฝืนทน ยึดคติกินเพื่ออยู่ไม่ได้อยู่เพื่อกิน ที่เหลือขอบาย เป็นน้ำเต้าหู้กับส้มหนึ่งผลดีกว่า จากนั้นก็ค้นหาห้องแห่งความลับกัน ทั่วทั้งโรงพยาบาลว่า ห้องกระจกใสๆใกล้ๆบันไดอยู่ที่ไหนกัน แทบจะไม่มีคนรู้จัก ถามคนโน้นก็บอกนี้ ถามคนนี้ก็บอกห้องนั้น จนกระทั่งเจอกับพี่เกตุจึงได้รู้ว่า อ๋อ...อยู่ที่เราเดินผ่านมานี่เอง แต่แหม มันก็มีกระจกใสๆอยู่ทุกห้องล่ะพี่ วันนี้ก็เพิ่งจะได้ฤกษ์แนะนำสถานที่กิจกรรมปฏิบัติงาน

ก้อง ฝน ไปคลินิคเวชฯ ที่ตลาด
ฝน ตั๊ก อยู่คลินิกศูนย์ใกล้ใจที่รพ.(เป็นPCUของรพ.อ่ะ)
น้องพิว ฉายเดี่ยวออกOPD ตรวจคนไข้ครึ่งร้อย
แป๊ก แปด ไปศูนย์แพทย์ CMU ห่างจากรพ.ไปประมาณ 10 กิโล แม่เจ้า ไม่ได้กลับมาทานข้าวเที่ยงด้วยกันเพราะระยะทางแสนไกล บวกกับคนไข้ที่เยอะเหลือเกิน

ช่วงบ่าย ก้อง ฝน ฝน ตั๊ก + พี่ Ext อีก 3 คนออกเยี่ยมบ้าน เกาะติดobserveพี่ๆเค้าไปดู 1 เคส เพราะว่าที่พวกเราไปทั้ง 4 คนนั้นวันนี้ตอนบ่ายเค้ามีประชุม ไม่ได้ออกเยี่ยมบ้านเลย แทนที่จะอยู่บ้านพักอย่างเปล่าประโยชน์ จึงขอติดตามพี่ๆ Ext ไปเยี่ยมบ้านด้วยคน เป็นประสบการณ์ที่ร้อนอย่างน่าประทับใจ ขนาดอยู่หาดใหญ่ยังไม่ร้อนแบบนี้มาก่อนเลย เฮ้อ...

อยากจะร้องไห้ มาวันแรกก็ไม่ประทับใจเสียแล้ว ทำงานวันแรก ก็เน่า โอ๊ย ชีวิตที่เหลืออยู่ต้องกล้ำกลืนเท่าไหร่ บอบช้ำเหลือเกิน แพทย์พี่เลี้ยงก็ดูเข้มงวดและก็ดูดุ น้องพิวคาบข่าวมาบอกว่า พี่สั่งให้เขียนอะไรก็ไม่รู้วันต่อวันเสียด้วย ความรู้สึก หรือสิ่งที่ได้เรียนรู้อะไรทำนองนี้แหละ ส่งพี่วันละ2หัวข้อ แง้... (ภาวนาให้น้องพิวพูดเล่น)

ชีวิตวันนี้จะเป็นอย่างไร ไม่ต้องหาคำตอบหรอกเพราะเห็นกันอยู่ หากไม่มีความสุขแล้วเราจะได้เรียนรู้อะไรกันนะ ทำไมมันไม่เหมือนตอนเราไปselectiveตอนปีสี่เลยนะ???

09/07/2009

บันทึกรัก cororanod

blog ที่รัก
พวกเรา 7 คน ก้อง แปด แป๊ก พิว ฝน ฝน ตั๊ก ได้มาถึงระโนดด้วยความทุลักทุเล มากๆ นั่งรออยู่ห้องพักแพทย์โดยไม่มีใครมาสนใจอยู่ประมาณ 4 ชั่วโมง เพราะ บุคคลากรไม่ว่าง ติดภารกิจ ไปงานศพ และประชุม พี่extก็ยังไม่ได้ย้ายออกจากบ้านที่เราจะเข้าไปพัก รอแล้วรอเล่า หลับไปก็หลายตื่น แต่ก็ยังไม่มีใครเหลียวแล ฮือ... พยายามเดินออกไปโชว์ตัวบ้างไรบ้าง เพื่อให้หลายๆคนรุ้ว่าพวกเรามาแล้ว แต่ ก็เท่านั้น
ยังดีหน่อยที่ห้องมีแอร์... แต่แล้ว ก็โชคร้าย ที่จู่ๆ แอร์ก็เสียพวกเราก็นอนกันเหงื่อตกอยู่ในห้องพักแพทย์อบๆ เดี๋ยวนึกจะดี ก็ดี นึกจะดับก็ดับ อยากกลับบ้าน หลายคนน้ำตาซึมกันเลย น้องพิวบอกว่า ที่ควนเนียงยังสบายกว่า อยากกลับควนเนียงมากๆ จนสี่โมงครึ่งแล้ว พี่Extบอกว่าจะย้ายออกไปอยู่บ้านหลังใหม่ (สบายกว่าเห็นๆ)พวกเราจึงเขยื้อนเรือนร่างกันไปยังบ้านพัก แง้... อยากจะร้องออกมาให้ท่วมระโนด บ้านน่าอยู่มากๆๆๆ เหมือนปล่อยร้างมาเป็นเดือน พี่เค้าอยู่กันยังไงนะ ฝุ่นเขรอะ แมลงสาบในตู้เย็น ขอย้ำ ในตู้เย็น จานชาม มีแต่ฝุ่นเหมือนไม่มีใครเข้ามาอยู่เลย กวาดบ้านกันยกใหญ่ แถมไม่มีไม้ถูอีกต่างหาก เฮ้อ...เอาวะ คงต้องมีคนยอมสละเสื้อกันบ้างล่ะคราวนี้ เพราะพี่เค้าบอกว่าไม่มีไม้ถูและผ้าขี้ริ้วให้เลยจริงๆ แปลก แต่จริง
เคยมั๊ยที่อาบน้ำแล้วรู้สึกเหมือนยังไม่ได้อาบ ที่นี่แหละ พิสูจน์ได้ หลังจากบูรณะซ่อมแซมปฏิสังขรทั้งหลายแล้ว ก็ต้องขอบคุณพี่เกตุนะครับที่เป็นธุระจัดการอะไรๆให้หลายๆอย่าง แต่ว่ากว่าจะได้มุ้งลวดคงเป็นวันเสาร์ล่ะ ทนนอนตบยุงตัวเท่าแม่ไก่ไปก่อนแล้วกันนะน้อง ... เหวอ
ยามเย็นที่เวิ่นเว้อ ทุกคนร้องไห้อยากกลับบ้านเป็นอย่างมาก แต่ก็ตัดสินใจกันเช็ดน้ำตาแล้ว ออกไปในตลาดกันดีกว่า คุณหนู คุณนาย ในหาดใหญ่ สลัดคราบเป็นหงส์ปีกหัก เจ็ดคนเดินออกจากรพ.ระโนด ข้ามถนน หารถไปตลาดกัน... แล้วจะไปกันยังไงล่ะนี่ มอเตอร์ไซค์ก็ไม่พอ คงต้องเป็นกระบะล่ะมั้ง ได้การ... เคยเห็นแต่ในหนังฝรั่งเค้าทำกัน ขอทำบ้าง คันแล้วคันเล่าที่ผ่านไปขณะที่เราพยายามโบกรถ แม้จะน้อยใจบ้าง แต่ก็นะ ใครจะกล้ารับคนแปลกหน้าเจ็ดคน ไม่ใช่สโนว์ไวท์กับคนแระทั้งเจ็ดนะจ๊ะ จะได้ไปตามหาเจ้าชาย กินแอปเปิ้ล นศพ.น้อยๆที่เคยนั่งแต่ตุ๊กๆ ก้ต้องโบกรถคนแปลกหน้ากันต่อไป และแล้วคุณป้าใจดีก็แวะรับเรา เค้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เด็กพวกนี้จะมาไม้ไหน ขับรถเลยไปแล้ว แต่ก้ยังใจดี จอดแล้วถอยหลังกลับมาเหมือนจะให้พวกเรารู้ว่า จะไปอ๊ะป่าวอินู๋ อาการลิงโลด ของพวกเราคงทำให้ป้าแกเห็นแล้วว่าไม่มีพิษมีภัยอะไร จึงยอมพาไปส่งที่ในตลาด รอยยิ้มเปื้อนหน้าแทนคราบน้ำตาก่อนหน้านี้ได้อย่างสวยงาม นี่แหละความมีน้ำใจของคนในชนบท หลังจากขอบคุณกันยกใหญ่ ร่ำลากันเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็พากันไปเดินในตลาด ที่วาย ไปแล้ว ย้ำ ตลาดได้วายไปก่อนหน้าที่เราจะมาเสียอีก เงียบเหมือนปิดบริการมาหลายเดือน
จะมีคนเยอะก็แต่คลินิกพี่ผอ. คนจะเยอะอะไรได้อีกคะเนี่ยะ ถามไปถามมา ก็เห็นว่ายังพอมีที่กินใกล้ๆเซเว่นอีเลเว่น แห่งเดียวของระโนด (ควนเนียงมีป่าวก็ไม่รู้เนาะ) เดินตะลอนๆ พอได้มีอะไรกินประทังชีวิตกันบ้าง ก็มากันแบบฉุกละหุกเสียเหลือเกิน ขนาดคนในรพ.ยังไม่รู้เลยว่าพวกเรามากัน อิอิ อย่าไปว่าโรงครัวที่เค้าไม่ได้ทำกับข้าวเลย คงไม่ได้ติดต่อมาก่อนหน้านี้มั้ง??? ได้แต่ฉงนตั้งคำถาม แต่ก็ไม่รู้จะถามใคร....
หลังจากซื้อโน่นนี่หาของกินบ้างพอประทังความหิว เพราะกำลังเริ่มกินอาหารลดน้ำหนักสูตรพระเทพฯกันอยู่ คงผอมเพรียวไม่น้อย นี่แหละน้า ข้อดีของความอดอยาก อย่างน้อยก็ทำให้ผอมเพรียว เอาน่า มองโลกในแง่ดีไว้ดีกว่า เราเองก็ยังมีชีวิตอยู่ แค่ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนที่หาดใหญ่ แต่ก็อยู่ได้ (ถ้าไม่เป็นไข้เลือดออกหรือชิคุนกุนย่าไปก่อน) ขากลับก็ทรหดน่าดู... โบกรถคันแล้วคันเล่า ก็ไม่มี เฮ้อ... ทำไมไม่มีตำรวจจบใหม่ขับรถผ่านบ้างนะ เผื่อจะวานให้ไปส่งที่ห้อง เอ๊ย ที่รพ. แต่ก็ยังมีคนใจดีอยู่แหละน่า ออกจะเป็นเรื่องโชคดีของเราด้วยแหละ เพราะว่าเค้าขับมารับลูกพอดี ซึ่งนังเด็กสองคนนี้ก็ไม่รู้โผล่มาจากที่ไหน โอ๋ๆๆๆ เด็กน้อยจริงๆแล้วเพราะพวกนู๋นี่แหละทำให้พวกพี่ๆมีรถกลับโรงพยาบาลกัน ไม่งั้นคงต้องเดินกลับเพราะฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว
แสงแดดเริ่มอ่อนแรง พวกเราทั้งเจ็ดก็อ่อนล้าเกินกว่าที่จะทำอะไรได้ แม้จะหวั่นๆกับคนงานชาวพม่าสองคนที่นั่งอยู่ท้ายกระบะกับพวกเรา แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนร่วมโลกกันทั้งนั้น สายลมเย็นๆตีผ่านหน้า ทำเอาผมสยายไปกับสายลม เพียงครู่เดียวรถกระบะกับคุณอาใจดีก็พาพวกเรามาส่งถึงหน้าโรงพยาบาล นี่คงเป็นความต่างอีกอันกระมังของสังคมชนบท หากเทียบในเมืองแล้วจะมีใครมาจอดรับพวกเราแบบนี้หรือเปล่า หรือหากเป็นเราเองหากเจอคนโบกจะจอดหรือเปล่านะ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณรถกระบะทังสองคันที่ช่วยพาเราทั้งเจ็ดไปส่งยังจุดหมายปลายทาง แม้เส้นทางนี้จะเป็นเพียงแค่เริ่มต้น แต่หวังว่าจะมีอะไรดีๆรออยู่ที่รพ.ระโนด อ๊ะๆๆ แม้พวกเราจะกลายเป็นหงส์ปีกหัก แต่ค่ำคืนนี้เราก็ยังได้ดูบ่วงหงส์ตอนอวสานแหละน้า
แม้ว่าจะอิดโรย อยากหลับตาลงเพียงใด เป็นเวลาชั่วโมงกว่าแล้วที่ยุงยังตอมไม่เลิก หลังจากลุกเข้าห้องน้ำก็ต้องกลับมาผจญกับแมลงสาบที่ ดูเหมือนจะอยู่ผิดที่ผิดทาง แก๊ แก มาบนที่นอนช้านได้ไง กร๊าซซซ ก็ได้แต่ไล่มันไป บาปอ่ะ หลังจากดูMVของปานแล้วก็เริ่มกลัวๆแฮะ ชีวิตช้านจะกลายเป็นยุงหรือแมลงสาบที่โดนตบตีหรือเปล่า เฮ้อ...

---ชลันธรี---

Academy fantasia 6.5 @ Thepha hospital

สวัสดีค่ะอาจารย์ และก็สวัสดีเพื่อนๆทุกคนด้วย
ตอนนี้พวกเราเจ็ดสาวแห่งAcademy fantasia season 6.5 มารายงานตัวค่ะ
ตอนนี้พวกเราได้มาเก็บตัวยัง Thepha convant(เทพาคอนแวน)
มีผู้เข้าร่วมชะตากรรมทั้งหมด 7 สาว ได้แก่
V1 กาตุ่ย (กาญจนา)
V2 หญิง (จันทร์จิรา)
V3 แพร (ธิดารัตน์)
V4 หงส์ (นพวรรณ)
V5 ใหม่ (ปานหทัย)
V6 เท็น (วราลี)
V7 เอื้อง (อารียา)
ตอนนี้พวกเราก็ได้เดินทางมาถึงบ้านพักอย่างปลอดภัยค่ะ โดยผ่านด่านตรวจ 2 ครั้งด้วยกัน 555(ตื่นเต้นดี มีบังเกอร์หลบระเบิด มีหีบเพลง(ลวดหนามที่ม้วนๆอ่ะ)ตั้งที่ด่านตรวจด้วย ว้าวๆ)

พอมาถึงพวกเราก็เข้ามายังที่พักค่ะ
ที่พักของพวกเราอยู่หลังศาลาละหมาด
เป็นห้องสองห้อง มีพัดลมสี่ตัว รวมกับที่พวกเราเอามาอีกสี่ตัวก็เป็นแปดค่ะ
แต่พวกเราได้ย้ายที่นอนมานอนห้องเดียว เนื่องจากมีห้องน้ำแค่ห้องเดียวเท่านั้น เหอๆ
ส่วนอีกห้อง ก็เอาไว้เก็บของ เก็บเสื้อผ้าอ่ะค่ะ

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆได้แก่ ราวตากผ้าสามอัน และ ที่นอนพร้อมหมอนค่ะ
อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือ wireless ทำให้สามารถนั่งupข้อมูลได้ในตอนนี้
และเป็นสิ่งที่พอทำให้พวกเราคลายเหงาได้ในวันแรกค่ะ

พวกเราได้รับการต้อนรับจากพี่ผอ. พี่จุ๋มเล็กซึ่งเป็นพี่แพทย์พี่เลี้ยง รวมทั้งพี่ๆเจ้าหน้าที่ทุกคนเป็นอย่างดี
อ้อ อีกอย่างหนึ่ง คือมีพี่ๆอดีตนักล่าฝันที่ตอนนี้กลับมาใช้ชีวิตที่เทพาอีกครั้งได้แก่ พี่ทัศนัย และพี่จาตุรันต์แวะเวียนมาทักทายพวกเราด้วย ^_______^

ส่วนรูปภาพประกอบการเก็บตัว จะนำมาลงในคราวต่อๆไป

พรุ่งนี้พวกเราต้องออกไปเผชิญโลกกว้าง โดยการออกตรวจPCUโดยที่ไม่มีพี่หมอและอาจารย์ไปด้วย
ผลเป็นอย่างไรนั้น จะนำความคืบหน้ามารายงานอีกครั้ง

รักทุกคนค่ะ
รายงานสดจากThepha convant

ปล.เพื่อนๆส่งข่าวกันด้วยนะจ๊ะ เม้นกันบ้างนะจ๊ะ

07/07/2009

วันเหงาใน block fammed

อีกสองวันจะสอบ เฮ้อ... จะยากไหมหนอ

05/07/2009

ใกล้สอบและจะไปโคโรระโนด

blog ที่รัก

หลังจากส่งงานชิ้นแรกไปแล้วบล๊อกก็ดูเงียบเหงาเสียเหลือเกิน หยุดห้าวันหลายๆคนคงจะเตรียมตัวที่จะสอบและก็ไปรพช.กันอย่างเต็มที่(รึเปล่านะ)
อากาศเริ่มจะเย็นๆลง สายฝนพรำๆที่หล่นกระทบเบื้องล่างชวนให้เหงาอยู่ไม่น้อย สอดสลับกับเสียงดนตรีไทยเพลงลาวดวงเดือนยิ่งทำให้ใจมันหวิวเหงายิ่งนัก ทั้งศูนย์แพทย์ดูเงียบเหงาไปถนัดตาเลยทีเดียว อดคิดถึงวันฝนตก ยามต้องอยู่รพช.ไม่ได้ จะเหงาไหมหนอ เสียงฝนที่โน่นจะเหมือนกับเสียงสายฝนในหาดใหญ่หรือเปล่า ยามฝนตกๆ เพื่อนๆแต่ละโรงพยาบาลจะเป็นอย่างไรกันบ้างนะ เขียนเล่าสู่กันฟังบ้างเน้อ


เหงาแทบขาดใจ
ชลันธรี

30/06/2009

Prognosis

PP.ชายไทยคู่อายุ 42 ปี อาชีพ กรีดยาง ภูมิลำเนา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาCC. ปวดข้อนิ้วมือทั้งสองข้างมา 1 เดือนก่อนมา รพ.PI. ปวดข้อนิ้วมือทั้ง2ข้างมา 1เดือน มีอาการปวดตลอด เป็นมากเวลาใช้งานข้อนิ้วมากๆจากทำงาน แต่ถ้าได้พักอาการจะดีขึ้น ไม่มีไข้ ไม่มีอาการเจ็บร้าวไปไหนPH. เมื่อ 1 เดือนก่อน ป่วยเป็นโรค chikungunya รักษาที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ตอนนั้นมีอาการไข้ ผื่นแดงคันตามตัว ปวดข้อ หลังการรักษาเหลือเพียงอาการปวดข้อที่ยังไม่หาย แต่ดีขึ้น
ไม่มีโรคประจำตัวปฏิเสธการเข้ารับการผ่าตัดใดๆปฏิเสธประวัติแพ้ยาแพ้อาหารใดๆ
PE. v/s : Temp 37.0 C pulse 70/min RR 20/min BP 130/80mmHg
GA : good consciousness
HEENT : not pale, no jaundice
Heart&Lungs: normal
Abd : soft ,not tender
Ext : Hands : tender at fingers joint on movement
แพทย์ได้ให้การวินิจฉัยว่าเป็น arthalgia
Treatment
Paracetamol (500 mg) 2tab po prn q 4-6 hr.
Diclofenac (25 mg) 1 tab po tid pc
Omeprazole (20 mg) 1 tab po ac
Balm นวดบริเวณที่ปวด
จาก case ดังกล่าวข้างต้นแพทย์วินิจฉัยโรคโดยการใช้ประวัติ อาการทางคลินิกร่วมกับการตรวจทางร่างกายคำถาม ถ้าในผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้มีการให้ยา Omeprazole อยากทราบว่าอัตราการเกิด dyspepsia ใน 1 ปี ของผู้ป่วยรายนี้เป็นเท่าไร (ถ้าสมมติว่าต้องใช้ยา NSAIDs นาน)
P Patient use Diclofenac (NSAIDs )
I Time 1 year
C -
O New Dyspepsia

Therapy

PP.ชายไทยคู่อายุ 42 ปี อาชีพ กรีดยาง ภูมิลำเนา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาCC. ปวดข้อนิ้วมือทั้งสองข้างมา 1 เดือนก่อนมา รพ.PI. ปวดข้อนิ้วมือทั้ง2ข้างมา 1เดือน มีอาการปวดตลอด เป็นมากเวลาใช้งานข้อนิ้วมากๆจากทำงาน แต่ถ้าได้พักอาการจะดีขึ้น ไม่มีไข้ ไม่มีอาการเจ็บร้าวไปไหนPH. เมื่อ 1 เดือนก่อน ป่วยเป็นโรค chikungunya รักษาที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ตอนนั้นมีอากรการไข้ ผื่นแดงคันตามตัว ปวดข้อ หลังการรักษาเหลือเพียงอาการปวดข้อที่ยังไม่หาย แต่ดีขึ้น
ไม่มีโรคประจำตัวปฏิเสธการเข้ารับการผ่าตัดใดๆปฏิเสธประวัติแพ้ยาแพ้อาหารใดๆ
PE. v/s : Temp 37.0 C pulse 70/min RR 20/min BP 130/85mmHg
GA : good consciousness
HEENT : not pale, no jaundice
Heart&Lungs: normal
Abd : soft ,not tender
Ext : Hands : tender at fingers joint on movement
แพทย์ได้ให้การวินิจฉัยว่าเป็น arthalgia
Treatment
Paracetamol (500 mg) 2tab po prn q 4-6 hr.
Diclofenac (25 mg) 1 tab po tid pc
Omeprazole (20 mg) 1 tab po ac
Balm นวดบริเวณที่ปวด
จาก case ดังกล่าวข้างต้นแพทย์วินิจฉัยโรคโดยการใช้ประวัติ อาการทางคลินิกร่วมกับการตรวจทางร่างกายจากประสบการณ์เดิม เคยเห็นแพทย์บางคนให้ Ranitidine บางคนให้ Omeprazole ในการป้องกันการเกิด Dyspepsia จากการใช้ NSAIDs
คำถาม การใช้ยา Omeprazole สามารถช่วยป้องกันการเกิด dyspepsia จากการใช้ยา NSAIDs ได้ดีกว่าการใช้ยา Ranitidine หรือไม่
P Patient use Diclofenac (NSAIDs)
I Omeprazole
C Ranitidine
O Prophylaxis dyspepsia

28/06/2009

Therapy--นศพ.เสถียรพงษ์ ลิ่มบัณฑิต

PP : เด็กไทย อายุ 1 ปี
CC : หอบมากขึ้น 1 วันก่อนมาโรงพยาบาล
PI : 1 วันก่อนมาโรงพยาบาล เริ่มมีอาการไข้สูง มีน้ำมูก หอบ หายใจเร็ว ดื่มนมได้น้อยลง
PH : ปฏิเสธโรคประจำตัว
ปฏิเสธการเข้ารับการผ่าตัด
ปฏิเสธประวัติแพ้ยาแพ้อาหาร
PE : v/s : BT 38 C PR 120/min RR 40/min BP 90/60 mmHg
GA : good consciousness, look sick, fatigue
HEENT : not pale, no jaundice, nasal flaring
Heart : WNL
lung : wheezing both lungs, prolong expiratory phase, hype resonance on percussion
Abdomen : no distention, soft, not tender, no mass

Question : การใช้ oral dexamethasone+nebulized epinephrine รักษาผู้ป่วย acute bronchiolitis สามารถช่วยลดระยะเวลาการนอนอยู่โรงพยาบาลได้มากกว่าการใช้ nebulized epinephrine อย่างเดียวหรือไม่
P : เด็กชาย อายุ 1 ปี เป็น acute bronchiolitis
I : oral dexamethasone+nebulized epinephrine
C : nebulized epinephrine
O: hospitalization

Diagnosis--นศพ.เสถียรพงษ์ ลิ่มบันฑิต

PP : ชายไทย อายุ 30 ปี
CC : ปัสสาวะแสบขัดและมีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ 1 วัน ก่อนมาโรงพยาบาล
PI : 1 วันก่อนมาโรงพยาบาล เริ่มมีอาการปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะไม่สุดและมีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ ก่อนหน้านี้ได้ไปเที่ยวผู้หญิงมา ไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
PH : ปฏิเสธโรคประจำตัว
ปฏิเสธการเข้ารับการผ่าตัด
ปฏิเสธประวัติแพ้ยาแพ้อาหาร
PE : v/s : BT 37 C PR 75/min RR 20/min BP 120/80 mmHg
GA : good consciousness
HEENT : not pale, no jaundice
Heart and lung : WNL
Abdomen : no distention, soft, not tender, no mass
Genitalia : Pus per genitalia

Question : ในผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็น Gonorrhea การใช้ Clinical symptom จะช่วยวินิจฉัยโรค Gonorrhea ได้แม่นยำเพียงใด เมื่อเทียบกับการทำ Gram stain
P : เพศชาย อายุ 30 ปี เป็น Gonorrhea
I : Clinical symptom
C : Gram stain
O: Diagnosis of Gonorrhea

Diagnosis นศพ. เจริญลักษณ์ คงดำเนิน

PP : ชายไทย อายุ 50 ปี
CC : ถ่ายเป็นเลือดมา3 วัน ก่อนมาโรงพยาบาล
PI : 2เดือนก่อนมาโรงพยาบาล เริ่มมีอาการท้องผูกเป็นประจำครั้งละ3-4วัน หลังจากนั้นก้อจะมีอาการถ่ายเหลวตามมา มีอาการท้องอืดบ้างตอนท้องผูก แต่หลังจากถ่ายก็ปกติดี น้ำหนักลดลง7กิโลกรัม และมักมีอาการเป็นไข้ต่ำๆ เป็นๆหายๆ มาตลอด ช่วงหลังๆเวลาถ่ายเหลว สังเกตเห็มมีสีดำๆ เหมือนเลือด จึงมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล
PH : เป็นบิดาเสียชีวิตจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เมื่ออายุ55ปี

PE : v/s BT 37.4 C PR 95/min RR 22/min BP 100/70 mmHg
GA : good consciousness
HEENT : mild pale, no jaundice
Heart and lung : WNL
Abdomen : mild distention, soft, not tender, no mass

Question : ในผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ การทำ PET Scan จะช่วยวินิจฉัยมะเร็งได้แม่นยำเพียงใด เมื่อเทียบกับการตัดชิ้นเนื้อส่งพยาธิ
P : เพศชาย อายุ 50 ปี สงสัย CA Colon
I : PET Scan
C : Biopsy
o : Diagnosis of CA Colon

Therapy นศพ. เจริญลักษณ์ คงดำเนิน

PP : ชายไทย อายุ 22 ปี
CC : สิวเห่อ 1 อาทิตย์ก่อนมาโรงพยาบาล
PI : 1 อาทิตย์ก่อนมาโรงพยาบาล เริ่มรู้สึกว่ามีสิวอักเสบขึ้นประมาน3เม็ดและสิวอุดตันจำนวนมาก จึงไปแกะและบีบสิวทั้งที่อักเสบและไม่อักเสบ หลังจากนั้นจึงมีสิวอักเสบเห่อขึ้นเต็มหน้า
PH : เป็นสิวตั้งแต่อายุ15ปี เคยรักษาตามคลินิกสิว เป็นๆหายๆ ช่วงหลังไม่ได้ทายาหรือกินยารักษาสิวมา2ปีแล้ว

PE : v/s BT 36.8 C PR 70/min RR 20/min BP 120/70 mmHg
GA : good consciousness
HEENT : not pale, no jaundice
Heart and lung : WNL
skin : multiple discrete erythematous papule, pustule and nodule on face and neck, many comedones has seen on face with both white and black heads

Question : ในผู้ป่วยสิวที่มีอาการของ severe acne การใช้ยาในกลุ่ม third generation ของ Isotretinoin จะได้ผลดีกว่าการรักษาแบบเดิมหรือไม่
P : เพศชาย อายุ 22 ปี เป็น severe acne vulgaris
I : Adapalene gel 0.1%
C : Isotretinoin cream 0.01%
o : efficacy of treatment of acne vulgaris

Diagnosis นศพ.ทรรศนะ

PP.หญิงไทยคู่อายุ 62 ปี อาชีพ แม่บ้าน ภูมิลำเนา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
CC. ปวดข้อเข้าขวามา 6 เดือนก่อนมา รพ.
PI. ปวดข้อเข่าขวามา 6เดือน มีอาการปวดหลังจากการนั่งหรือเดินนาน แต่ถ้าได้พักอาการปวดเข่าก็จะลดลง ไม่มีไข้ ไม่มีอาการเจ็บร้าวไปไหน
PH. มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูงมา 3ปี ทานยาสม่ำเสมอ
ปฏิเสธการเข้ารับการผ่าตัดใดๆ
ปฏิเสธประวัติแพยาแพ้อาหารใดๆ
PE. v/s : Temp 37.1 C pulse 70/min RR 20/min BP 130/85mmHg
GA : good conciousnessHEENT : not pale, no jaundiceHeart&Lungs: normalAbd : soft not tender Ext : Rt. Knee : bony enlargement, no warmness, hypotrophy of quadriceps muscle, tenderness, no effusion, crepitus on movement, decrease flexion
แพทย์ได้ให้การวินิจฉัยว่าเป็น Osteoarthritis
Treatment Paracetamol (500 mg) 2tab po prn q 4-6 hr.
Ibuprofen (400 mg) 1 tab po tid pc
Omeprazole (20 mg) 1 tab po ac
Diclofenac gel apply to the affect area for pain 3-4 time/day
Vitamin C
จาก case ดังกล่าวข้างต้นแพทย์วินิจฉัยโรคโดยการใช้อาการทางคลินิกร่วมกับการตรวจทางร่างกาย
คำถาม การวินิจฉัยโรคโดยการใช้อาการทางคลินิกร่วมกับการตรวจทางร่างกายมีความแม่นยำเพียงใด
P Patient with osteoarthritis
I clinical manifestation and physical examination
C Plain knee joint
O การวินิจฉัย Osteoarthritis

Therapy นศพ.ทรรศนะ

PP.หญิงไทยคู่อายุ 62 ปี อาชีพ แม่บ้าน ภูมิลำเนา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
CC. ปวดข้อเข้าขวามา 6 เดือนก่อนมา รพ.
PI. ปวดข้อเข่าขวามา 6เดือน มีอาการปวดหลังจากการนั่งหรือเดินนาน แต่ถ้าได้พักอาการปวดเข่าก็จะลดลง ไม่มีไข้ ไม่มีอาการเจ็บร้าวไปไหน
PH. มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูงมา 3ปี ทานยาสม่ำเสมอ
ปฏิเสธการเข้ารับการผ่าตัดใดๆ
ปฏิเสธประวัติแพยาแพ้อาหารใดๆ
PE. v/s : Temp 37.1 C pulse 70/min RR 20/min BP 130/85mmHg
GA : good conciousnessHEENT : not pale, no jaundiceHeart&Lungs: normalAbd : soft not tender Ext : Rt. Knee : bony enlargement, no warmness, hypotrophy of quadriceps muscle, tenderness, no effusion, crepitus on movement, decrease flexion
แพทย์ได้ให้การวินิจฉัยว่าเป็น Osteoarthritis
Treatment Paracetamol (500 mg) 2tab po prn q 4-6 hr.
Ibuprofen (400 mg) 1 tab po tid pc
Omeprazole (20 mg) 1 tab po ac
Diclofenac gel apply to the affect area for pain 3-4 time/day
Vitamin C
จาก case ดังกล่าวข้างต้นแพทย์ได้ให้ Vitamin C ร่วมในการรักษาด้วย
คำถาม การให้ Vitamin C ในผู้ป่วยที่เป็น Osteoarthritis จะช่วยลดการเสื่อมของข้อได้แตกต่างจากผู้ป่วยที่ไม่ได้รับหรือไม่
P Patient with osteoarthritis
I Vitamin C
C Placebo
O การได้รับ Vitamin C ในผู้ป่วยที่เป็นOsteoarthritis จะช่วยลดการเสื่อมของข้อได้แตกต่างจากผู้ป่วยที่ไม่ได้รับ

assignment 1 Diagnosis โดย นศพ รัตติพร

PP : เด็กชายไทน อายุ 9 เดือน
CC : ชักเกร็งกระตุก 1 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล
PI : 2 วันก่อนมาโรงพยาบาล มีไข้สูง กินอาหารได้ลดลง เริ่มซึม
1 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล มีอาการเกร็งกระตุกทั่วทั้งตัว หมดสติ 10 นาที มีอาการซึมเรียกไม่ตื่นฃ
PH : ไม่เคยมีโรคประจำตัวใดๆ
ไม่เคยมีอาการชักมาก่อนหน้านี้
PE : v/s BT 39 C PR 120/min RR 52/min BP 100/80 mmHg
GA : stupor E3V4M5
HEENT : not pale, no jaundice
Heart and lung : WNL
Neuro Exam : no neurological deficit , motor power grade 5 all
BBK - Brudzinski -
Question : ในเด็กที่มีอาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัวการวินิจฉัย Bacterial meningitis จาก CSF analysis มีความแม่นยำเพียงใดเมื่อเทียบกับ CSF culture
P : เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปีที่มีการเกร็งกระตุกทั้งตัว
I : CSF analysis
C : CSF culture
o : accuracy of diagnosis bacterial meningitis

Assignment1 case2 โดย นศพ.คัทลียา มุขดี

Prognosis
เด็กหญิงไทย อายุ 13 ปี
CC : ตัวบวม 2 วัน ก่อนมาโรงพยาบาล
PI : 2 วันก่อน สังเกตว่าใบหน้าและแขนขาบวมขึ้น ปัสสาวะสีเหลืองขุ่นมีฟอง ไม่มีไข้
วันนี้ อาการบวมยังไม่ดีขึ้น มารดาจึงพามารักษาที่โรงพยาบาล
PH : - ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น nephrotic syndrome ตั้งแต่อายุ 9 ปี หลังทำ renal biopsy พบเป็นชนิดminimal change disease รักษาด้วย oral prednisolone มาตลอด
PE : GA – A Thai girl, good consciousness, no dyspnea
HEENT – puffy eyelid, mild pale conjunctiva, no icteric sclera, LN cannot palpated
Heart – normal S1S2, no murmur
Lung – clear Lt=Rt
Abdomen – soft, not tender, mild distention, shifting dullness –ve, no hepatosplenomegaly, no mass
Extremities – pitting edema 2+

Question : What number of patient with long term steroid used develop to Cushing syndrome at 1year, 3years and 5 years?
P : Long term steroid used patient
I : Time
C : -
O : Cushing syndrome

Assignment I นศพ.วราลี ปรียวาณิชย์

Case therapy

ชายไทยคู่ 72 ปี อาชีพ พ่อบ้าน
CC : ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ 4 วัน ก่อนมาโรงพยาบาล
PI : 4 วันก่อนมาโรงพยาบาล ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ ลักษณะเหลวคล้ายยางมะตอยประมาณ 1/2แก้ว มีอาการเวียนศีรษะ ไม่มีไข้ ไม่มีอาการคลื่นไส้ ไม่มีอาเจียนเป็นเลือด ไม่ปวดท้อง ไม่มีเบื่ออาหารน้ำหนักลด
1 วันก่อนมาโรงพยาบาล ถ่ายดำ 1แก้ว ลักษณะเหมือนเดิม มีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ไม่มีอาเจียนเป็นเลือด ไม่มีอาการปวดท้อง
PH :

- มีประวัติdyspepsia เมื่อ 3ปีก่อน ตอนนี้ไม่มีอาการ
- เป็น esophageal varices เมื่อ 1ปีก่อน มีอาเจียนเป็นเลือด รักษาที่โรงพยาบาลมอ.ทำesophagovariceal ligament หลังจากนั้นไม่มีอาเจียนเป็นเลือดหรือถ่ายดำ
- โรคประจำตัว liver cirrhosis child A , Anti Hbc positive, รักษาที่มอ. แต่ขาดการติดตามการรักษา กินยาไม่สมำเสมอ
- ยาที่ใช้ประจำ lactulose (30ml) Syr Sig.2tsp PO OD , spironolactone (100mg)2*1 pc เช้าpropanolol(40) 1x2 oral pc ,MTV 1x2 oral pc , zinc sol (5mg/ml) 60ml 1tsp OD hs , Omeprazole(20) 1x1 oral ac

- ปฏิเสธยาต้มยาหม้อยาลูกกลอน ยาแก้ปวดกลุ่มNSAIDs , ยาต้านลื่มเลือด เหล็ก บิสมัต
- ไม่ดื่มเหล้า
- สูบใบจาก วันละ 10มวน ตั้งแต่อายุ 25 ปียังไม่เลิก
- ไม่มีคนในครอบครัวมีประวัติโรคตับอักเสบหรือตับแข็ง
PE :
Vital signs : BT 38 C PR 86 /min RR 24/min BP 123/53 mmHg
Skin : no palmar erythema no spider nevi
Nail and finger : no clubbing finger, no dupuytrn's contracture, no white nail line, no cyanosis
Eye : moderately pale conjunctiva, mild icteric sclera
Abdomen: no superficial vein dilate, no visible peritalsis ,active bowel sound ,no abdominal aorta/renal bruit ,no fluid trill ,shifting dullness +ve ,no hepatosplenomegaly
Extremities : pitting edema 1+ , flapping tremor +ve
Others : WNL
Dx UGIB จากEsophageal varices ได้รับการรักษาโดยมีการให้ ceftriaxone ในการป้องกันการเกิด Spontaneous Bacterial Peritonitis
P : Patient with UGIB from Esophageal varices
I :ceftriaxone
C :Norfloxacin
O :การเกิด Spontaneous Bacterial Peritonitis (SBP)

คำถามการให้ ceftriaxone ในผู้ป่วย UGIB จาก Esophageal Varices สามารถป้องกัน Spontaneous Bacterial Peritonitis ได้ดีเพียงใดเมื่อเปรียบเทียบกับการให้ Norfloxacin

Assignment I(2) นศพ.ณัฐวุฒิ ตรีเมต

Therapy
G2P1 GA 36 wk by Ballard score
Chief complaint: เหลืองทันทีหลังคลอด
Present illness: ทารกเพศชาย น้ำหนัก 2,800 กรัม คลอดปกติที่ รพ.หาดใหญ่ ไม่มีความผิดปกติระหว่างคลอด หลังคลอดสังเกตว่าทารกตัวเหลือง ไม่ค่อยขยับตัว
Maternal history:
มารดาไม่มีโรคประจำตัว หมู่เลือดเอ Rh-, บิดาหมู่เลือดโอ Rh+
ลูกคนก่อนหมู่เลือดโอ Rh+ หลังคลอดเหลืองเล็กน้อย ไม่ต้องฉายแสง
ไม่มีความผิดปกติระหว่างการตั้งครรภ์นี้, ฝากครรภ์ที่ รพ.หาดใหญ่ต่อเนื่อง เริ่มฝากครรภ์ตอน อายุครรภ์ 2เดือน
Physical examination:
GA- hypoactive, no dyspnea, moderate jaundice
HEENT- normocephalic, chignon, no cleft lip cleft palate
Thorax- no subcostal or substernal retraction, normal breast sound, lung clear,
Heart-normal S1S2, no murmur,
Abdomen- no scaphoid abdomen, midline umbilicus, A:V=2:1
Anus-patent
Extremities-WNL
Reflex: Moro positive
LAB investigation:
Hct 30%
Coomb test- positive all infant and mother
Impression: Rh incomplatibility

Patient: Maternal Rh- blood group labor with newborn Rh+ blood group
Intervention: IV Anti D antigen stat after labor
Comparison: Placebo
Outcome: Reduce of D antibody in maternal
Question: มารดาที่มีหมู่เลือด Rh negative ที่คลอดทารกที่มีหมู่เลือด Rh positive, หลังได้รับ IV anti D antigenแล้ว สามารถลดการเกิด D antibody ในมารดาได้เท่าไร?

Assignment I นศพ.วราลี ปรียวาณิชย์

Case Prognosis

Case ผู้ป่วยหญิงไทยคู่ อายุ 32 ปี อาชีพ แม่บ้าน
CC : ปวดประจำเดือนมากมา 6 เดือนก่อนมาโรงพยาบาล
PI : 6 เดือนก่อนมาโรงพยาบาล ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องน้อยขณะมีประจำเดือน ปวดบีบๆเป็นหายๆ ประจำเดือนมีปริมาณมาก สามวันแรกใช้ผ้าอนามัยวันละ 6 แผ่น วันหลังๆใช้วันละ 3 แผ่น ไม่มีอาการตกขาวผิดปกติ ไม่มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ไม่มีอาการปวดเวลามีเพศสัมพันธ์
1 เดือน ก่อนมาโรงพยาบาล รู้สึกว่ามีอาการปวดประจำเดือนมากขึ้น ปวดมากบริเวณท้องน้อยด้านซ้าย บางครั้งปวดมากจนไม่สามารถทำงานบ้านได้ ประจำเดือนยังมามากเช่นเดิม กินยาแก้ปวดอาการดีขึ้น แต่ไม่นานก็กลับมาปวดใหม่ จึงมาพบแพทย์
PH :
No underlying disease
No food or drug allergy
แต่งงานแล้ว 3 ปี ปีแรกคุมกำเนิดโดยการกินยาคุม หลังจากนั้นไม่ได้คุมกำเนิด มีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ แต่ไม่มีบุตร
ประจำเดือนมาครั้งแรกตอนอายุ 13 ปี มาครั้งละ5-7 วัน มาสม่ำเสมอทุกเดือน ประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา มีอาการปวดประจำเดือนทุกเดือนแต่ปวดไม่มาก มักปวดในสองวันแรกของการมีประจำเดือน
PE :
GA : Good consciousness , well co-operated
HEENT : Not pale , no jaundice
Heart : Normal S1S2 , no murmur
Lung : Clear Rt=Lt
Abdomen : Soft ,mild tenderness at suprapubic area ,moderate tenderness at LLQ , no rebound tenderness , no distension, normal active bowel sound
Extremities : WNL
PV : MIUB : normal
Vagina : normal , no discharge , no ulcer
Cervix : no discharge per os , no excitation pain
Uterus : normal size , R/V
Adnexa : Left cyst size 3x5 cm
Ultrasonography : Mixed echoic cyst 4.5x5.5 cm at left overy
ได้รับการวินิจฉัยเป็น endometriotic cyst at left ovary ทำ left oophorectomy
คำถาม : ผู้ป่วยที่เป็น endometriotic cyst หลังจากรักษาโดยการทำ oophorectomy ไปแล้วจะมีโอกาสกลับเป็นซ้ำมากน้อยเท่าไร
P : Woman with endometriotic cyst with oophorectomy
I : time
C : -
O : Recurrent of endometriosis

Assignment 1 (Diagnosis) นศพ.ปริญญา รัตนพงศ์

ชายไทยคู่ อายุ 56 ปี
CC : ไอเป็นเลือดมา 1 วัน
PI : 2 เดือนก่อนมาโรงพยาบาล มีไข้ต่ำๆ เป็นตลอด มักมีไข้สูงตอนดึกๆ ไอแห้งๆ ไม่มีเสมหะ
2 สัปดาห์ก่อนมาโรงพยาบาลเริ่มมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด 5 กิโลกรัม ใน 1 เดือน ยังคงมีไข้ต่ำๆอยู่ ไอแห้งๆ เริ่มมีเสมหะสีขาวขุ่นๆ จึงมาโรงพยาบาล
PH : ประวัติคนในครอบครัวเป็นวัณโรค 1 คน
ไม่มีโรคประจำตัวใด
ปฏิเสธประวัติแพ้ยาแพ้อาหาร
PE : vital signs : BT 36.8 C PR 80/min RR 20/min BP 100/80 mmHg
HEENT : mild pale conjunctiva. no jaundice.
Heart&lung : WNL
Others : WNL
Lab : Chest x-ray พบ patchy infiltration both lung and cavity at apex of right lung.
CBC : mild anemia , leukocytosis with lymphocyte predominated
จากอาการและchest x-ray สงสัย TB จึงส่งย้อม AFB sputum
Question : จาก AFB sputum มีความแม่นยำเพียงใดเมื่อเทียบกับ culture sputum
P : ชายไทยคู่ อายุ 56 ปี เป็นวัณโรค
I : ย้อม AFB sputum
C : culture sputum
O : accuracy of diagnosis TB

Therapy

Case2:Therapy นศพ.อารียา ภูมิเดช
Patient profile:ญ ไทยคู่อายุ 27ปีG2P1 GA39 wks by LMP
CC:มีอาการเจ็บครรภ์คลอด 2 ชม.PTA
PI :2 ชม. PTAผู้ป่วยมีการปวดบีบๆ บริเวณท้องน้อย อาการปวดบีบถี่ๆและสม่ำเสมอขึ้น มีมูกไหลใสออกจากช่องคลอด ไม่มีเลือดปน ไม่มีกลิ่นผิดปกติ ไม่มีไข้ แต่ไม่มีน้ำเดิน จึงมา รพ.
PH: G2P1 GA39 wks by LMP previousC/S
ANC รพ.หาดใหญ่ 7ครั้ง Sero all negative,HCT 37%,OF และDCIP negative,Anti HIV negative,HbSAg negative
ระหว่างฝากครรภ์ไม่มีความผิดปกติใดๆ มาตรวจตามนัดทุกครั้ง
ครรภ์ก่อนระหว่างตั้งครรภ์ปกติดี ลูกสมบูรณ์ดี ต้องผ่าคลอดเพราะCPD
ปฏิเสธประวัติโรคประจำตัว
ปฏิเสธประวัติแพ้ยาแพ้อาหาร


คำถาม:ก่อนจะนำผู้ป่วยไปC/Sสังเกตว่า มีorderให้ Cefazoline 2 g IVก่อนไปOR เพื่อป้องกันการเกิด post C/S infection จึงสงสัยว่าการให้ATBก่อนC/S หรือหลังC/Sมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อหลังC/Sในมารดาได้มากกว่ากัน?
P:Pregnancy with c/s
I:Cefazoline before skin incision
C: Cefazoline after cord clamp
O:Post c/s morbidity in maternal

Assignment I(1) นศพ.ณัฐวุฒิ ตรีเมต

Prognosis
G1P0 GA 38 wk by Ballard score
Chief complaint: แขนซ้ายไม่ขยับทันทีหลังคลอด
Present illness: ทารกเพศชาย น้ำหนัก 3,930 กรัม
คลอดด้วยวีธี Vacuum extraction เนื่องจากมี prolong second stage of labor (2hr 18min)
หลังจากคลอดศีรษะได้ เกิดShoulder dystocia แพทย์สามารถช่วยคลอดจนสำเร็จ
หลังคลอดสังเกตว่าทารกแขนข้างซ้ายไม่ขยับ ส่วนแขนข้างขวาขยับได้ปกติ สามารถกำมือได้ทั้ง2ข้าง
Maternal history: มารดาไม่มีโรคประจำตัว, ไม่มีความผิดปกติระหว่างการตั้งครรภ์, ฝากครรภ์ที่ รพ.หาดใหญ่ต่อเนื่อง เริ่มฝากครรภ์ตอน อายุครรภ์ 2เดือน
Physical examination:
GA- active, no dyspnea, not pale, no jaundice
HEENT- normocephalic, chignon, no cleft lip cleft palate
Thorax- no subcostal or substernal retraction, normal breast sound, lung clear,
Heart-normal S1S2, no murmur,
Abdomen- no scaphoid abdomen, midline umbilicus, A:V=2:1
Anus-patent
Extremities-decrease movement of left arm, no crepitation on left shoulder
Reflex: Moro negative left arm
Impression: Erb’s palsy

Patient: Newborn with brachial plexus injury
Intervention: Time
Comparison: None
Outcome: Self resolved of brachial plexus injury
Question: What number of newborns who have brachial plexus injury can self resolved at 6month, 1years and 3 years?