Wellcome to EBM group

ยินดีต้อนรับน้องๆทุกคนค่ะ ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเรียนEvidence Based Medicine ของภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัวและชุมชนโรงพยาบาลหาดใหญ่


Staffs


15/07/2009

บันทึกรัก cororanod (ต่อ)

blog ที่รัก

สวัสดีวันพุธ

วันนี้เป็นวันที่พวกเราต้องเปลี่ยนกลุ่ม rotate กันแล้วล่ะครับ ก้องฝน ไปอยู่คลินิกใกล้ใจ ฝนตั๊กไปอยู่CMU แป๊กแปดมาอยู่ OPD น้องพิว ไปอยู่คลินิกเวช(ฉายเดี่ยว)

เมื่อคืนนี้มีสมาชิกมานอนที่ห้องอุ่นหนาฝาคั่งมากๆหลังจากที่ทิ้งเราไปให้เรานอนคนเดียวมาหนึ่งคืน น้องพิวและแป๊กมานอนด้วย กรนสนั่นจนเรือนไหว แต่น้องพิวมักไม่ค่อยยอมรับหรอกว่าตัวเองกรน ช่างเถอะก็รู้ๆกันอยู่ เมื่อคืนเราพากันเปลี่ยนทิศทางการนอนตามทฤษฏีน้องพิวว่าด้วยทิศตะวันออกตะวันตกและขัวประจุไฟฟ้าของเม็ดเลือดแดงที่มีความสัมพันธ์กัน รายละเอียดคงไม่กล่าวมากต้องถามน้องพิวเอาเอง แล้วก็น้องแป๊กที่ไม่มีน้องแปดมานอนด้วยก็เลยเกิดความกลัวไม่กล้านอนคนเดียวไร้คนกอดยามหลับขึ้นมาซะงั้น แต่ก็ดีนะ จะได้มาช่วยกันแบ่งเบาภาระยุง ไม่มารุมกัดเราคนเดียว แบ่งๆกันไป

เหมือนจะปรับสภาพจนชินว่าต้องตื่นนอนตอนตีห้าครึ่ง ตั้งแต่มาอยู่นี่ตื่นเวลานี้ทุกวันเลย... คงเป็นข้อดีของการมาอยู่รพช.มั้ง ทำให้เราตื่นเช้าขึ้น ไม่เห็นจะง่วงนอน อย่างที่เคยคิดไว้ กลับตื่นมาด้วยความสดใส แต่ก็อย่างว่า นอนก็เร็วด้วยแหละ ตั้งแต่ห้าทุ่มโดยประมาณ ถ้าอยู่หาดใหญ่ก่อนเที่ยงคืนคงยังดี๊ด่าดี๊กันอยู่อีก

มาอยู่นี่เริ่มปรับตัวให้เข้ากับสภาพความเป็นอยู่ได้บ้างแล้ว ไม่ค่อยอึดอัด รู้ว่าควรอยู่ตรงไหนเวลาไหน ทำอะไร ไม่ควรทำอะไร หรือว่า ใครที่ไม่ควรเข้าไปเจอ แต่แย่หน่อยที่คราวนี้ไม่ค่อยได้contact กับพี่หมอ หรือแพทย์พี่เลี้ยงสักเท่าไหร่ จะเจอคงตอนไปอยู่ CMUสักสองวันกระมัง ช่วงนี้ก็จะเจอแต่พี่พยาบาลเวชฯเสียเป็นส่วนมาก ก็ดีเหมือนกันได้ฝึกทำงานร่วมกับสหวิชาชีพ

เช้านี้เริ่มงานที่คลินิกใกล้ใจ ก็เหมือนกับคลินิกเวชฯที่ผ่านมา แต่จะดูแลคนละตำบล ไม่ได้ดูแลในตำบลระโนดเหมือนอย่างคลินิกเวชฯ แต่ลักษณะการทำงานเหมือนกัน ดีหน่อยที่ตรงนี้ตั้งอยู่ในตัวโรงพยาบาล เราสามารถinvestigateเพิ่มเติมได้เลย หรือจะส่งต่อผู้ป่วยไปยัง OPD ได้ทันทีถ้าเป็นเคสหนักและมีปัญหามาก ทำงานกันอย่างเพลิดเพลินในช่วงเช้า มีคนไข้เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย คือที่นี่ดูจะมีคนตรวจน้อย มีห้องตรวจแค่สองห้อง เราก็อยู่อีกห้องหนึ่งมีพี่พยาบาลเวชฯอีกห้องหนึ่งช่วยตรวจ ดีอีกอย่างคือจะมีพี่ที่คอยจัดยาให้ ไม่ต้องจัดยาเอง แค่เรียกคนไข้วัด vital sign ซักประวัดิ ตรวจร่างกาย Dx Tx สั่งยา แล้วเดี๋ยวก็จะมีคนมาจัดยาให้ เราก็ไปจ่ายยาเองที่หลัง ค่อยเบาแรงหน่อย แต่คนไข้ก็เยอะเหมือนกัน (แต่คงไม่เท่า OPDหรอก)เผลอแป๊บเดียวก็เที่ยงเสียแล้ว อาหารเที่ยงวันนี้ดีเกิดคาด จัดเตรียมเหมือนมีงานเลี้ยงกันเลยทีเดียว เพราะว่ามีแพทย์มาประชุมอะไรสักอย่าง เลยจัดเตรียมอาหารอย่างดี ทั้งแกงส้ม ต้มจืดไก่ ไข่เจียวไส้สาหร่ายทะเลลึก ตบท้ายด้วยฝรั่งสดๆ ตัดเป็นชิ้นๆ พอดีคำ แหมๆ อาหารดีเลิศที่สุดแล้วล่ะตั้งแต่มาอยู่ที่ระโนดนี่ แต่ก็สามารถปรับตัวกันได้อย่างดีทุกคน อ้อๆๆ นอกจากนี้ยังจัดจานช้อนแก้วเป็นเรื่องเป็นราวอีก (ปกติครอบฝาชีเอาไว้)

ตอนบ่ายอุตส่าห์กำลังคิดว่าจะได้ไปเยี่ยมบ้าน แต่อาทิตย์นี้กลับไม่ได้เยี่ยมบ้านอีกแล้ว เพราะเราต้องไปทำประชาคมหมู่บ้าน ที่นี่เค้าน่ารักดีนะครับ ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ประชาชนหมู่ 2 ต.ท่าบอน มีความสนใจและให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพกันอย่างมาก การทำประชาคมครั้งนี้ด้วยมีงบประมาณจาก สปสช.มาให้ทำโครงการ โดยให้หัวละ 37บาท 50 สตางค์ เพื่อทำโครงการเกี่ยวกับการปัญหาสุขอนามัย งานนี้ได้รับความร่วมมือทั้งจากนายกอบต ประชาชนในหมู่บ้าน และ บุคคลากรทางสาธารณสุข เป็นความร่วมมือที่เกิดขึ้นที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายของทุกฝ่าย สำหรับงานที่ไปในวันนี้ อีกแล้ว...งานเข้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ต้องเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ 2009 แต่ดูชาวบ้านก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นก็เริ่มทำประชมคมโดยเราเป็นคนแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่ผ่านมาว่าสำหรับประชาชนหมู่ 2 ต.ท่าบอน มีอะไรบ้างคิดเป็นกี่เปอร์เซนต์ แล้วให้ช่วยกันออกความเห็นและให้คะแนน เป็นอันว่าทุกคนเห็นตรงกันว่าปัญหาเป็นเรื่องของระบบทางเดินหายใจ และอยากให้มีการป้องกันการเกิดไข้หวัด โดย เสนอให้มีการตั้งอ่างล้างมือตามที่สาธารณะ 3 จุด ที่วัด ที่ออกกำลังกาย และบ้านอบต.ที่จะมีคนผ่านไปมาเยอะมากมาย และเสนอให้มีการแจกผ้าปิดจมูกให้กับประชาชนทุกคนให้มีติดตัวเอาไว้ ใช้เวลารวมๆแล้วเกือบสองชั่วโมง

แม้ว่างานเยี่ยมบ้านของเราจะยังไม่ได้เริ่มวันนี้ แต่ก็ได้ไปพบกับประสบการณ์อีกรูปแบบ และพี่พยาบาลก็แนะนำให้รู้จักกับป้า กมลพร ที่เป็น CVA แต่ว่าสามารถเอาชนะอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงลงได้ ด้วยการทำกายภาพบำบัด และกำลังใจจากเพื่อนบ้านและคนรอบข้าง น่าติดตามทีเดียว พรุ่งนี้ได้ความอย่างไร น่าสนใจขนาดไหน ค่อยเล่าให้ฟังพรุ่งนี้แล้วกัน ถ้าไม่ต้องรีบปั่นงานพรีเซนต์

No comments: