Wellcome to EBM group

ยินดีต้อนรับน้องๆทุกคนค่ะ ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเรียนEvidence Based Medicine ของภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัวและชุมชนโรงพยาบาลหาดใหญ่


Staffs


21/07/2009

บันทึกรัก cororanod (ต่อ)



Blog ที่รัก
สวัสดีวันอังคาร
เช้านี้ ตื่นมาด้วยความงัวเงีย ด้วยเสียงวิทยุ ที่ดังอยู่ไกลๆเช่นเคย อากาศหนาวเย็น กระตุ้นให้กระเพาะปัสสาวะหดตัวจนต้องลุกเข้าห้องน้ำอย่างเสียไม่ได้ แม้จะเป็นเวลาเพียงห้านาฬิกาเศษๆ ก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ยามเช้าสองสามวันมานี้ อากาศเย็นจับใจ
ใกล้เวลาต้องปฏิบัติงานอีกครั้ง เช้านี้มีทีมพี่ Ext. รุ่นใหม่เข้ามาช่วยตรวจด้วย ทั้ง CMU OPD และ ward ก็เลยต้องกลายเป็นพี่เลี้ยงไปโดยปริยาย เพราะว่า พี่ๆก็มาด้วยชะตากรรมเดียวกันที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่มีใคร orientate เลย เรียกได้ว่าช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พี่ๆที่มาอยู่ใหม่มีทั้งหมด 5 คน สำหรับพี่ที่ไป CMU วันนี้ตกรถ เลยต้องออกไปกับก้องและฝน หลังจากราวด์วอร์ดกับพี่เกตุเสร็จแล้ว
คนไข้วันนี้เยอะเช่นปกติ แต่ที่ดูเหมือนว่าน้อย ก็เพราะว่า มีคนช่วยตรวจหลายคน จนไม่มีห้องตรวจต้องออกมาตรวจข้างนอกห้อง โชคดีที่ท้องฟ้าเป็นใจ ท้องฟ้าที่เดิมสว่างจ้า กลับมืดครึ้มลง สายลมเย็นชื้นที่หอบไอฝนมาแต่ไกล ชวนให้รู้สึกเย็นสดชื่น ทุ่งนาสีเหลืองที่แซมด้วยหญ้าเขียวขจี ชวนให้อารมณ์ที่คุกรุ่นด้วยไอร้อน เย็นลงได้อย่างรวดเร็ว
ใช้เวลาตรวจคนไข้แต่ละคนนานขึ้น หารายละเอียดที่ไม่ใช่แต่โรค วันนี้ได้เรียนรู้ว่า หากผู้ป่วยเป็นผู้ชาย เค้าจะไม่ค่อยชอบให้หมอสอน แต่หากเราสามารถ explore illness ออกมาได้เอง หรือสามารถรู้ถึงการเอาชนะบางอย่างได้ เช่น เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เขาจะชอบให้เราถามถึงความสำเร็จนั้น เป็นการ empowerment อย่างหนึ่ง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกมีกำลังใจในการทำกิจกรรมนั้นต่อไปและรู้สึกภาคภูมิใจ นอกจากนี้ ตัวเราเองก็ยังสามารถรู้วิธิที่จะนำไปสอนคนไข้คนอื่นได้ในกรณีเดียวกันนี้อีกด้วย
หลังจากตรวจคนไข้ประมาณ 10 กว่า case ก็ได้เวลาพักเที่ยง อาหารเที่ยงวันนี้หลังจาก feed back ไปก็เกิดปรากฏการณ์ แปลกประหลาดที่อาหารดีขึ้นอย่าง dramatic ข้าวหมกไก่ทอด หอมกรุ่นด้วยกลิ่นขมิ้นฉุนแรง แต่รสชาติเอร็ดอร่อย พร้อมด้วยแกงจืดลูกชิ้นหมูสับเต้าหู้ไข่ รสชาติที่กลมกลืน ปิดท้ายด้วยตะโก้รสหวานหอมใบเตย ที่ตั้งแต่อยู่มาไม่เคยได้ลิ้มรสชาติอาหารเช่นนี้มาก่อน สร้างความประทับใจยิ่งนัก
แม้อากาศยามบ่ายคล้อย จะเย็นฉ่ำด้วยสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดระยะ แต่ปริมาณคนไข้ มิได้ลดน้อยลงตามความน่าจะเป็นเลย การทำงานที่ CMU ครั้งนี้ทำให้เรียนรู้อะไรได้เยอะสำหรับการดูแลผู้ป่วยทั้งครอบครัว ต้องดูแลทุกคนว่าในบ้านมีใครบ้าง เมื่อมี 1 คนที่ไม่สบายจะกระทบอะไรบ้าง อย่างเด็กชายอายุ 2 ขวบไม่สบาย เป็นหวัดมาพบแพทย์ บอกว่ามีพี่ชายเมื่อสองวันก่อนไม่สบายเป็นหวัดเช่นเดียวกัน มารับยาที่นี่เหมือนกัน ถ้าทราบตั้งแต่ต้นว่าที่บ้านมีเด็กเล็ก ก็อาจจะสามารถป้องกัน แนะนำผู้ใหญ่ในบ้าน เพื่อไม่ให้น้องคนเล็กต้องเจ็บป่วยอีกคน กลายเป็นมีผู้ป่วยถึง2คนในบ้าน เมื่อเทียบแล้วคิดเป็น 50 % ของสมาชิกในครอบครัว ผลที่ตามมาก็จะมีต่อผู้ปกครองที่ต้องเป็นกังวลว่าใครจะอยู่เฝ้าลูกที่บ้านเพราะต้องทำงานนอกบ้านทั้งคู่ ก็จะมีปํญหาที่ตามมาในบางครั้ง หรือหลายๆครั้งที่มักทำอยู่ประจำในการตรวจผู้ป่วยนอกทั่วไปที่ใช้ระยะเวลาอันสั้น ก็จะพลาดการมองแบบครอบครัวเช่นนี้ไป ปัญหาก็จะมีตามมาอีกเป็นลำดับ
ตลอดวัน นอกจากพักเที่ยงแล้ว พูดไม่หยุด ทั้งการตรวจ รักษา ทั้งร่างกายและจิตใจ บางคนมาไม่ได้มี disease อะไรแต่ illness เพียบ ก็ต้องพูดคุยกันไป พอสบายใจยิ้มได้ก็กลับ หลายหลายประเภทของผู้ป่วยที่ต้องพบต้องเจอ เหนื่อยกับการadvice สงสารตัวเองที่พยายามสรรหาข้อมูลต่างๆมาให้ แต่ก็ไม่ฟัง หนักใจเหมือนกันนะ วันนี้ ได้เข้าไปอ่าน เรื่องราวของแพทย์รุ่นพี่คนหนึ่งที่กำลังอยู่โรงพยาบาลชุมชนแลกเปลี่ยนความคิดความรู้สึก อ่านแล้วก็สลดใจ แม้จะขำๆแต่ก็....ลงเอยด้วยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

ตอนเย็นได้รับความอนุเคราะห์อาหารเย็น จากญาติของฝน ห่างจากโรงพยาบาลไปประมาณ 4 กิโลเมตร ตำบล ท่าบอล ที่เคยไปทำประชมคมหมู่บ้านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นครอบครัวชาวประมง ที่มีบ้านตั้งอยู่ริมทะเล ออกหลังบ้านไปก็เจอท้องทะเลสีคราม แม้ทรายจะไม่ละเอียดนัก แต่ก็ดูอากาศเย็นสบายดี จนพระอาทิตย์คล้อยต่ำคุณยายก็เรียกเข้าไปทานอาหารในบ้าน... ตื่นตาตื่นใจกันอย่างมากกับอาหารพื้นเมือง พื้นๆที่อร่อยเหาะไปเลย เยี่ยมยอดกว่าอาหารที่ต้องกินประจำทุกวันอีกด้วย แกงส้ม สะตอ น้ำพริก ต้มกระดูกหมูมะระ ปลาดุกร้า ผัก+หอยแมลงภู่ชุบแป้งทอด ปลาจ้องม้องทอด ปลาแห้ง ปลากรอบ ปิดท้ายด้วยน้ำชาร้อนๆแสนอร่อย อาหารเย็นวันนี้เป็นมื้อที่อร่อยที่สุด อิ่มท้องอีกทั้งยังอิ่มใจอีกด้วย แม้จะเป็นอาหารเรียบง่าย ไม่มีอะไรมาก แต่กลับอร่อย สนุกสนานเป็นกันเองกับการกินร่วมกันกับเพื่อนๆ ชาวบ้าน(ที่เป็นญาติเพื่อน) หมดไปหนึ่งวันสำหรับเหตุการณ์ดีๆ ความรู้สีกที่ดีมากขึ้นก่อนกลับจากระโนด

No comments: