Wellcome to EBM group

ยินดีต้อนรับน้องๆทุกคนค่ะ ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเรียนEvidence Based Medicine ของภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัวและชุมชนโรงพยาบาลหาดใหญ่


Staffs


19/07/2009

บันทึกรัก Cororanod (ต่อ)

blog ที่รัก

สวัสดีวันจันทร์

เช้านี้ตื่นนอน 6 โมงล่ะ เมื่อคืน กลัวกันอยู่ว่าจะไม่มีน้ำอาบเพราะ น้ำมันไม่ยอมไหลเลย เพิ่งมาไหลเอาตอนดึกๆแล้วล่ะ ที่กลัวไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพราะน้ำเหลือแค่ก้นถัง และตอนเช้าของทุกวันจะไม่มีน้ำไหนเนื่องด้วย คนจะยิ่งแย่งกันใช้น้ำเป็นพิเศษ

วันนี้เปลี่ยนกลุ่ม Rotate อีกแล้ว ก้องและฝน ต้องออกไปอยู่ CMU กับพี่เกตุ น้องพิวฉายเดี่ยวที่คลินิกใกล้ใจ แป๊กแปดไปคลินิกเวชปฏิบัติฯที่ในตลาด ฝนตั๊กออก OPD เริ่มต้นราวด์วอร์ด ด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นพอสมควร (ทำตัวเหมือนไม่เคยราวด์)เพราะว่าปกตินั้นต้องออกชุมชนอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ว่าโชคร้ายของเราที่ได้เยี่ยมบ้านแค่ 1 ครั้ง เพราะว่าฝ่ายเวชฯทั้ง คลินิคเวชฯและใกล้ใจนั้นติดประชมช่วงบ่าย(เป็นช่วงเวลาเยี่ยมบ้านปกติ) เลยอดที่จะไปเยี่ยมบ้านสำรวจชุมชน อย่างที่เขียนเล่าไปคราวก่อน ประสบการณ์แม้จะน้อยนิด แต่ก็ช่วยสอนให้เราได้รู้เรื่องเกี่ยวกับFammed อยู่มากเลยทีเดียวในการเยี่ยมบ้าน ได้ทั้งข้อคิดทั้งดีและไม่ดีกลับมา

ตอนเช้าก็ต้องไปราวด์วอร์ดกับพี่เกตุก่อน ในเคสที่เป็นของพี่เกตุล่ะ ไม่ได้เยอะมากอะไร ที่นี่เคสที่admit แพทย์ที่เป็นคนadmitก็จะเป็นเจ้าของไข้โดยปริยาย รวมถึงคนไข้ที่ admit ในเวรอีกด้วย ช่วงนี้ไม่ใช่เวรพี่เกตุเคสเลยน้อย ราวด์กันอย่างสบายๆ ราวด์เสร็จก็รอรถมารับไป CMU แดดร้อนจัง

คนไข้ที่ศูนย์สุขภาพชุมชน (วัดเบิก) ที่นี่คนเยอะพอๆกับ OPD โรงพยาบาลเลย คิดว่าอย่างนั้น แต่ด้วยการตรวจคนไข้ของพวกเราที่พี่เกตุเน้นเรื่องfammed เสียเหลือเกินทำให้ต้องพูดคุยอยู่นานมากๆ ดูว่าillness ของผู้ป่วยนั้นคืออะไร concern เรื่องอะไรเป็นพิเศษถึงได้มาพบแพทย์ครั้งนี้ ลึกซึ้งยิ่งนัก ทำให้อาการไม่ชอบการตรวจ OPD ของเรายิ่งกำเริบ อะไรกันนักกันหนาเนาะ แต่ก็อย่างว่านั้นแหละ ข้อดีคือ เราสามารถรู้ได้อย่างตรงจุดว่าคนไข้ต้องการอะไร แต่...คนไข้คงอึดอัดอยู่ไม่น้อยสำหรับบางคนที่ต้องรอน๊านนาน หมอก็ถามอยู่นั้นแหละ มีคนไข้รายนึง ถามไปถามมา จริงๆก็มาเพื่อที่จะหยุดงานหรอก ไม่ต้องไปทำงาน CCคือปวดหลังมา 2 วัน เป็นๆหายๆอย่างนี้มา 2 ปีแล้ว ครั้งจะให้เปลี่ยนงานบริการที่ต้องยกของหนักๆ ก็ไม่รู้จะไปทำอะไรกิน ถ้าเจออย่างนี้แล้ว จะยังให้เขาลาหยุดหรือเปล่านะ?? มาขอใบรับรองแพทย์ ก็เลยให้ไปแค่ว่ามาตรวจจริงวันนี้ จะไปว่าเค้าอู้งานก็ไม่ได้เพราะว่าไม่มีหลักฐานอะไรเสียหน่อย หลังก็ปวด แต่ก็เดินได้ ทำงานได้ ไม่เป็นอะไรมาก คนไข้ก็ตอบเลี่ยงๆเวลาถามถึงอาการว่าเป็นอย่างไร บอกแค่ ก็ปวดๆอย่างนั้นๆ เราก็ไม่เข้าใจ ว่าปวดอย่างนั้นๆ หมายความว่าอะไร ถึงจะพูดใต้ได้บ้าง แต่สำนวนและความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดบางอย่าง เราไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าหมายถึงอย่างไร อย่างคนลาว หากเราต้องการให้เขาช่วยอะไรแล้วคำตอบออกมาว่า "เดี๋ยวจะช่วยไปดูให้" ก็จะหมายความว่า สิ่งที่เราขอน่ะเป็นไปไม่ได้เลย เป็นการตอบปฏิเสธของคนลาว ที่ไม่ให้ช้ำใจนัก แต่พอคนไทยได้ยินแบบนั้น ก็จะเข้าใจว่า พอจะมีความหวังอยู่บ้าง ภาษาก็เป็นเสียอย่างนี้แหละ คงต้องกลับไปเรียนภาษาใต้เสียใหม่ก็เราไม่ใช่ native speaker นี่นาจะได้เข้าใจอะไรลึกซึ้ง ขนาดเพื่อนๆเราเอง พูดภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำยังไม่เข้าใจกันเลย ปากบอกไม่เป็นไรไม่เป็นไร แต่หน้าตาที่ยิ่งกว่ารังเกียจ เป็นต้น

เรียนรู้อะไรได้เยอะนะ ที่นี่ค่อนข้างจะ realistic พอสมควรเลย พอทำงานจริงๆ จะได้รู้ว่าอะไรที่ฟังดูสวยงาม ดูเป็นระบบ น่าเรียนรู้ ข้างในนี่กลับกลวงโบ๋ เหมือนพวกขายฝัน ที่เร่ขายฝันให้คนอื่นทำ พอมีคนทำสานฝันให้เป็นจริง คนขายฝันดูจะได้กำไรจากการขายมากโขทีเดียว สภาพที่เห็นก็ไม่ได้เป็นอย่างที่พูดเอาไว้ คงไม่ปฏิเสธว่าคนส่วนมากมักจะพูดอะไรๆให้มันดูดีเกินจริง จำเป็นด้วยเหรอ พอเราเข้ามาสัมผัสมันกลายเป็นว่า จินตนาการครั้งแรกเราทำไว้สูงเกินไป พอมาเจอความเป็นจริง อุปสรรคต่างๆ ความเพ้อฝันดูเลือนลางเหลือเกิน

ตอนเที่ยง กินข้าวปิ่นโตกันสองคน พี่ๆก็มีบ้างที่ทำข้าวกล่องมากินด้วยกัน กินกันเงียบๆ ต่างคนต่างกิน เหอะๆ ที่นี่สบาย บรรยากาศดีแม้คนไข้จะเยอะมาก เพราะทำอะไรๆได้เทียบเท่าโรงพบาบาลที่เป็น opd case ที่เหลือนอกเหนือความสามารถ ก็ส่งไปยังโรงพยาบาล เงียบเหงา แม้เสียงข้างนอกจะอึกทึกครึกโครม ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจต่างหาก กับข้าวแม้เป็นต้มปลาคาวๆ ไข่เจียวน้ำมันเยิ้ม กับแกงกะทิใส่มะระ ก็พอประทังความหิวไปได้ ไม่อดตาย ชีวิตนี้คิดว่าตัวเองติดดินแล้วนะ มีบ้างที่ต้องทำตัวบินได้เพื่อเข้าสังคมจอมปลอม แต่พื้นฐานชีวิตเราก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย พอมาอยู่ที่นี่ทุกวันนี้ต้องกลายเป็นลูกคุณหนูในสายตาคนอื่นๆ เรื่องมาก น้อยใจ แต่พูดอะไรไม่ได้หรอก ใครสักคนคงเข้าใจเราบ้าง แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร เสียใจกับคำพูดของเพื่อนบางคน เสียใจกับอะไรหลายๆอย่างที่ต้องเจอที่นี่ นั้นอาจะเป็นเพียงเพราะเราคิดไปเองก็ได้ ถ้าเราเป็นคนไม่คิดอะไรเลย ก็ดีจะได้ไม่เจ็บ แต่คงเป็นคนที่เพื่อนๆหมั่นไส้อยู่ล่ะมั้ง...

มาอยู่นี่ถึงไม่ได้เป็นเพื่อนรักของใคร ไม่ได้เป็นคนที่... เอ่อ ง่ายๆ อะไรก็ได้ ดูไม่ติดดิน แต่ระโนดก็ทำให้เราได้พิสูจน์ใจ หรืออะไรๆของใครหลายๆคน มองในแง่ดี ก็ดีแหละ อะไรๆมันก็จะดีขึ้นมาเอง

ตอนบ่ายก็คงยังจะต้อง explore illness ของคนไข้ต่อไป พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร มันก็เป็นไปอย่างนั้น อีกไม่กี่วันก็กลับแล้ว สู้เค้าทาเคชิ ชีวิตคนถ้าขาดอุปสรรคมันก็แย่เนาะ จะได้ทำให้เราเข้มแข็ง และสามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ได้...

1 comment:

Thidarat Komol said...

โอ๋ๆ อย่าโซแซดไปเลย อีกไม่กี่วันก็จะได้หลบแล้วเนอะ

ใจรุมๆนะ

หุหุ

เทพาสบายดี มียูบีซีให้ดู อุอุ
(ได้ทีวีมาเพราะความสวยของพวกเราเจ็ดสาว หุหุ)