Wellcome to EBM group

ยินดีต้อนรับน้องๆทุกคนค่ะ ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเรียนEvidence Based Medicine ของภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัวและชุมชนโรงพยาบาลหาดใหญ่


Staffs


12/07/2009

บันทึกรัก cororanod (ต่อ)

blog ที่รัก
สวัสดีวันจันทร์

หลังจากได้พักผ่อนกันมาได้สองวัน อันที่จริงก็ไม่ได้พักผ่อนเสียทีเดียว เพราะว่าได้ออกไปสำรวจวิถีชุมชนผ่านทางรถโดยสารประจำทางกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อคืนก็เป็นเหมือนทุกๆคืนที่ทุกคนแทบจะหลับๆตื่นๆสลับชั่วโมงกัน เพราะอะไรนั่นหรือ เจ้ายุงตัวเขื่อง รุมตอมกันเป็นฝูง... วี๊ดดดด ฉึก วี๊ดดดดด วี๊ดดดดด ฉึก ความเจ็บปวดแลกกับการทำทานบริจาคโลหิตให้กับยุงผู้อดอยาก รอยแผลเป็นจ้ำๆตามแขนทั้งสองข้าง แถมกลางคืนก็ไม่ค่อยได้นอน เดี๋ยวนี้ต้องปรับตัว เป็นนอนตอนบ่ายๆหลังเลิกงานแล้วตื่นตอนกลางคืน ไม่อย่างนั้น จะไม่ได้นอนเพราะยุงมันกัด

เช้านี้ก็ตื่นนอนด้วยความอิดโรย เพราะยุงกัดไม่ได้นอน เวลาตี5ครึ่งแล้ว ทนไม่ไหว ไม่นอนก็ได้ ลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วรอให้สว่างอีกหน่อยค่อยนอนต่อเผื่อยุงจะลดลงบ้าง (กลับไปนอนพักหลังจากหากินตลอดคืน)ทรมานใจไม่พอยังต้องมาทรมานกายแบบนี้อีก ช่างเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์เลย

วันนี้ออกปฏิบัติงานที่คลินิกเวชปฏิบัติเช่นเดิม ออกมารอรถที่บริเวณ เวรเปล ถึงที่คลินิกเวชฯประมาณ 8.30 น. คนไข้มารออยู่ข้างหน้าประมาณ 6-7 คน อ่ะๆ เล็กน้อยๆ ระหว่างที่รอจะตรวจคนแรก งานที่นี่ค่อนข้างที่จะone stop service เบ็ดเสร็จในคนเดียวจริงๆ ทำตั้งแต่เป็นพนักงานต้อนรับ พาคนไข้มาชั่งน้ำหนัก หา family folder เอง แล้วก็ซักประวัติ ตรวจร่างกาย diag treatment ปริ๊นซ์ป้ายยา จัดยา จ่ายยา advice ทำเองหมดเลยในคนเดียว โอ้โห... แจ่มแจ่วจริงๆ นี่ดีหน่อยที่เรามาตรวจ เราเลยไม่ต้องชั่งน้ำหนักกับหา family folderเอง แต่ที่เหลือจนจัดยา จ่ายยา เราต้องทำเองหมด ก็สนุกดีไปอีกแบบเนาะ

"น้องหมอๆ" เสียงพี่พยาบาลเรียกพร้อมกับกวักมือ ให้เข้าไปหา แล้วหันไปพูดกับพี่พยาบาลที่เป็นผู้ชายอีกคนหนึ่งว่า
"นี่ๆเดี๋ยวก็พาน้องหมอเนี่ยะไปช่วยตรวจสิที่โรงเรียน" พี่พยาบาลบอกแล้วหันมาพูดกับเราสองคนว่า
"พอดีที่โรงเรียนมีเด็กเป็นไข้หวัด จะให้หมอช่วยเข้าไปตรวจให้หน่อยนะ คัดกรอง ให้ความรู้ แต่ว่าพี่ขอเชคยอดก่อนว่ามีกี่คน ว่าแต่น้องหมอขับรถมอเตอร์ไซค์เป็นหรือเปล่า เพราะว่าไม่มีรถยนต์นะ เดี๋ยวขับตามพี่มาแล้วกัน" พี่พยาบาลที่เป็นผู้ชายกล่าว
ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมาย คว้ากระเป๋าเป้หนึ่งใบแล้วออกไปบึ่งมอเตอร์ไซค์ตามพี่พยาบาล ออกไปที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งของโรงเรียนระโนด

จากสภาพเราเห็นนักเรียนอยุ่กลุ่มหนึ่งนั่งรออยู่ที่ลานกีฬากว้างๆ หย่อมเล็กๆ อาจจะเป็นเพราะสนามกีฬาใหญ่ก็เลยทำให้เด็กๆกลุ่มนี้ดูมีไม่กี่คน เอาล่ะครับ เราจะย้ายเด็กกันไปยังโรงยิม แล้วก็จะตรวจคัดกรองกัน ทั้งหมดนี้เป็นเด็กที่มีอาการหวัด ไอ จาม มีน้ำมูก แต่ทุกคนไม่ได้มีไข้ เราก็ต้องมาดูว่าใครเพิ่งเป็น มีประวัติเดินทางไปหาดใหญ่ หรือกทม. หรือจังหวัดที่มีการติดต่อของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่หรือเปล่า แล้วก็รักษาตามอาการกันไปครับ เบ็ดเสร็จแล้วก็มีเด็กไม่มากครับ หลังจากตรวจนับเรียบร้อยก็ประมาณ 94 คน แว๊ก... ทำไมถึงเยอะขนาดนี้ได้ล่ะ ช้านมีกันอยู่แค่สองคนเองนะ แถมต้องรีบตรวจให้เสร็จก่อนเที่ยงด้วย เพราะเด็กๆเค้าจะกลับบ้านกัน

แต่งานนี้ถือว่าโชคดีครับเพราะว่า ผอ.ลงมาเองเลยในการให้ความรู้เด็กๆ เกี่ยวกับไข้หวัด การติดต่อ การป้องกัน อันที่จริงๆการโฆษณาผ่านสื่อค่อนข้างได้ผลมากเลยทีเดียว เพราะว่าเด็กๆดูมีความรู้กันมาก พี่ผอ.ถามอะไร เด็กๆตอบได้หมด ทั้งวิธีการป้องกัน ความอันตราย ความรุนแรงของโรค การติดต่อ ... แต่พอพูดจบ ดูเหมือนว่า เด็กๆจะทำทุกอย่างที่จะสามารถทำให้หวัดติดเพื่อนได้อย่างเร็วที่สุด ห้าห้าห้า นี่เค้าเรียกว่ารู้แต่ว่าไม่ทำหรือเปล่านะ?? หรือว่าไม่เข้าใจ?? ท่องได้เป็นนกแก้วนกขุนทองแต่ไม่เข้าใจและไม่ตระหนักสักเท่าไหร่ เอาล่ะก็ได้แต่หวังกันไปว่า เด็กๆเค้าคงจะเข้าใจจริงๆว่าห้ามทำ แต่เด็กก็คือเด็กน่ะ บอกให้ปิดแมส ล้างมือบ่อยๆ แต่ไม่ได้ห้ามพวกหนูวิ่งไล่จับกอดคอหัวเราะด้วยกันนี่ครับ เด็กๆเลยใส่แมสแบบหลวมโพรก(ก็ใส่แล้วไง) เอามือที่จับแมสที่พร้อมจะกระจาย dropletออกมาได้ทุกเมื่อ ไปวิ่งเล่นตบแปะกัน อ้าว... แม้จะล้างมือหลังเล่นไปแล้วเพราะโดนพยาบาลขู่แกมบังคับ (ก็ยังล้างนะแม้จะหลังจากแพร่เชื้อไปแล้วก็ตาม)พี่ผอ. ก็ได้แต่สอนเด็กๆ และก็จัดระเบียบแถวพยายามให้เด็กน้อยวัยอนุบาลและประถมตั้งใจฟัง แล้วปล่อยให้เราสองคนตรวจต่อไป งึงึ

การตรวจเด็กอนุบาลโดยที่ไม่มีผู้ปกครอง ถึงแม้จะประถมต้นแล้วก็เหอะ มันช่างยากเย็นเสียนี่กระไร พูดกันก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง จำได้ว่าตอนเรียนเด็กที่รพ.หาดใหญ่ เด็กอายุขนาดนี้ก็จะมีแม่มาด้วยนี่นา วันนี้เป็นการฝึกcommunication skill อย่างมากเลยทีเดียว คุยกับเด็ก ดีนะ เค้าไม่ให้ตรวจเด็กเตรียมอนุบาล แย่จังเลย เด็กบางคนก็น่ารักน่าเอ็นดู เด็กบางคนก็ได้แต่พยักหน้ากับส่ายหัว บางคนยิ่งแย่กว่า น้ำมูกย้อยอย่างเดียวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เวลาเจอหน้าที่เหลือแต่ตาของเรา ก็ใส่แมสนี่จะให้เห็นรอยยิ้มจากปากได้ไง (แต่เหมือนเคยได้ยินว่าคนไข้เค้ารู้เห็นรอยยิ้มของหมอในขณะตรวจแม้จะใส่แมสอยู่นี่นา)เรายิ่งรักเด็กอยู่ด้วย เจอเด็กแบบนี้ยิ่งอยากจะร้องไห้ จำได้ว่าตอนปี4 ที่ไปรพช. ก็เป็นสภาพแบบนี้เหมือนกัน พี่ยกOPDให้หนึ่งห้องแล้วก็ให้เราตรวจเอง เจอเคสเด็กทีไร ไม่เจอเด็กถีบ ก็ต้องเจอเด็กร้องไห้ไม่ยอมให้ตรวจ ประมาณ90%ของเคสที่เจอ เราคงไม่เหมาะสมกับอะไรบางอย่างแน่เลยนะ

กว่าจะเสร็จก็เกือบจะเที่ยงแล้ว คนรถมาคอยอยู่ที่คลินิคเวชฯเรียบร้อย ต้องรีบกุลีกุจอขึ้นรถ กลับไปทานข้าวเที่ยงที่รพ.แล้วออกมาใหม่ตอนบ่ายโมงอ่า... รู้สึกว่าบ่ายนี้จะไม่ได้เยี่ยมบ้านอีกแล้วนะ เพราะอะไรน่ะเหรอ??? พี่ที่คลินิเวชมีประชุมฝ่าย แต่เค้าให้เราช่วยตรวจตอนบ่ายล่ะ ไม่ค่อยมากมายอะไร จะบ่าย3แล้วตรวจได้แค่ 3 เคสเอง เพราะมีพี่พยาบาลตรวจอยู่อีกห้องหนึ่ง คนที่มาที่สี่ส่วนมากไม่ค่อยเป็นอะไรมากหรอก อย่างยายคนนึงก็ คันเป็น allergic dermatitis มารับยา แต่ดูเหมือนแกจะชอบให้เรานั่งฟังแกเล่าโน่นเล่านี่ ดูแกจะดีใจที่เห็นเราเพราะแกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่บอกว่าดีจังวันนี้มีหมอใหญ่มาตรวจด้วย แม้illnessแกจะบ่นโน่นบ่นเป็นนั่นเป็นนี่ แต่ก็นั่นแหละ พอเราพูดอะไรไป ดูแกก็รับฟังแล้วก็บอกว่า จ๊ะหมอ ... อ้อช่าย... อือ... หมอพูดถูก ห้าห้าห้า อะไรประมาณนี้ แม้ก่อนหน้านี้จะมีหลานหรือคนในบ้านสักคนมารับยาแทนแกแล้วจะโวยวายมากไปสักหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร พี่พยาบาลบอกยายแกว่า เนี่ยะหลานมา"ชุ่น"ตะโกนอยู่เสียงดัง แกเลยบอกว่าคราวหลังยายมาเองก็ได้ ดูแกมีความสุขนะที่ได้พูดให้เราฟัง เหมือนคนที่นี่ไม่ค่อยฟังอะไรแกสักเท่าไห่ แต่ก็ไม่แน่หรอก แกอาจจะพูดเสียจนเค้าเหนื่อยจะฟังแล้วก้ได้ เรามันก็คนใหม่นี่นะเพิ่งจะเคยเจอยายก็ยังพอรับได้บ้างไรบ้าง

วันนี้ไม่ค่อยมีเวลาเขียนอะไรให้ภาษามันวิจิตรบรรจงนัก เอาไว้มีอารมณ์นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ ยุงไม่กัด ค่อยมาเขียนdiaryใหม่ ที่จริงที่เขียนเล่าให้ฟังก็เป็นประสบการณ์เล็กๆน้อย และก็เป็นประสบการณ์ เดียวกันที่ได้เขียนลงบันทึก rural doctor น้อยๆอีกด้วย

คิดถึงเพื่อนๆทุกคนจัง หวังว่าคงจะมีความสุข งานไม่หนักมากไปนะ... ร๊ากทุกคน

ปอลอจุด ควนขนุนอ่ะ เข้ามาเม้นบ้างอะไรบ้างสิเงียบเชียว

4 comments:

Hathaitip Tumviriyakul said...

ลองหาซื้อตะไคร้หอมไว้ทาตัวก็ได้นะคะ น้องๆ ที่รพช ทุกโรงน่าจะมีค่ะ

i_bow_114 said...

แก ยายฝากบอกว่า ไดอารี่นี่

เยี่ยมจิงๆ เยี่ยมจิงๆ

ปล. ยายมะมีคอม อิอิ

........ ชั้นออนเอ็มไม่ได้บ่อยๆ เหมือนที่หออะแก


เรยไม่ค่อยอัพเดทไร

แล้วแกอะ?? เนต เวิร์คป่ะ

มิสๆๆๆๆๆ นะจ้ะ

Unknown said...

อาจารย์ อยากบอกว่า ตะไคร้หอม ไม่ใคร่จะได้ผลนักสำหรับยุงที่นี่ ลองมาแล้วครับ

ต้องเป็นซอฟท์เฟล แบบพ่น น้ำใสๆ ไม่ใช่แบบครีม อันนี้ได้ผลจริงๆไม่ต้องนอนแสบจมูกเพราะกลิ่นตะไร้หอมอีกด้วย

Unknown said...

อ้อ...

ชนิดา ขอบคุณสำหรับคำชม ธัญพรคิดถึงมากนะ