Wellcome to EBM group

ยินดีต้อนรับน้องๆทุกคนค่ะ ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเรียนEvidence Based Medicine ของภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัวและชุมชนโรงพยาบาลหาดใหญ่


Staffs


11/07/2009

บันทึกรัก cororanod (ต่อ)

สวัสดีวันเสาร์

หลังจากที่ตกใจ แปลกใจ กังวลใจ หรืออะไรต่างๆในการทำงานวันแรกที่ผ่านมา วันนี้จึงขอออมแรงกันเสียหน่อย สมาชิกในบ้านของเราวันนี้ลดจำนวนลงเป็น 5 คนเพราะติดภารกิจต้องไปติว NT ที่รพ.หาดใหญ่

แสงแดด ไม่ใช่แสงสีนวลเฉกเช่นวันวาร เป็นสัญญาณเตือนว่าขณะนี้ สายเสียเหลือเกินแล้ว เอ๊ะ... ทำไมสิ่งของรอบตัวจึงเปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อวาน .......ที่นี่ที่ไหนกันนะ

ตั้งสติได้จึงรู้ว่าเมื่อคืนนอนผิดห้อง เผลอหลับไปห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จำไม่ได้ รู้ลางๆแค่ว่าดูกบนอกกะลา แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย รีบเปิดดูใต้ผ้าห่ม เอาล่ะ เสื้อผ้ายังอยู่ครบ มองไปรอบตัว ด้วยความอ่อนเพลีย เมื่อวานเพลียมากสำหรับการไม่สบายครั้งนี้ ไอ จนเหนื่อย เช้านี้ กว่าจะหายใจได้แต่ละทีต้องออกแรงเยอะผิดปกติเหมือนได้ยินเสียง วี๊ดๆอยู่ตลอด (แต่เราไม่เคยเป็น asthma นี่นา) จากนั้นก็ผอยหลับไปอีกรอบ จากอาการปวดหัวตุ้บๆ... ได้แต่ภาวนาให้ภาพที่เห็น ห้องที่นอนอยู่เป็นเพียงแค่ฝันร้าย

อีกนานเท่าไหร่ไม่รู้ก็ สะดุ้งตื่นด้วยเสียงคนงานก่อสร้างข้างบ้านที่มาปรับปรุง ซ่อมแซมบ้านข้างๆ แต่ไม่เห็นมีวี่แววคนที่จะมาต่อเติม บานเกร็ดให้เราเพื่อต่อสู้กับยุงร้ายเสียที ดีดตัวเองออกมาจากที่นอนแข็งๆ รีบรุดเข้าห้องน้ำอาบน้ำ ปลุกคนโน้นคนนี้ที่ดูแล้วจะไม่มีวี่แววตื่นเลย กว่าจะเรียบร้อยกันก็สิบเอ็ดโมงเศษ เดินกันอย่างอ่อนแรงไปโรงครัว สองคนที่ยังไม่ได้อาบน้ำและอาบแล้วสามคน

ตลอดทางแทบไม่มีคนอยู่เลย ว้า...เงียบจริงๆ มีเพียงแม่บ้านหนึ่งคนที่แวะทักทายกันระหว่างทาง หลังจากปฏิเสธคำเชิญที่จะให้ร่วมกินปิ่นโตปิ๊กนิกหน้าห้องน้ำหญิง ขอบคุณมากนะป้า แล้วเราก็เดินต่อไปยังโรงครัว อาหารที่ตั้งเตรียมไว้สำหรับ 7 คน ดูเล็กน้อไปเลยเมื่อสมาชิกของเราบางคนที่สามารถจัดการกับอาหารเหล่านั้นได้เกลี้ยงโต๊ะ อาหารที่นี่ก็ค่อนข้างต้องปรับตัวกันสักเล็กน้อย ไม่ได้เอร็ดอร่อยเหมือนกับบ้านเรา แต่เลือกไม่ได้นี่ครับ อาหารเช้าที่นี่นอกจากข้าวต้มแล้วไม่มีอย่างอื่นให้ทานเลย พวกเราเกินครึ่งที่ไม่ทาน ทำให้แม่ครัวบอกว่า "คราวหน้าไม่จัดอาหารเช้าแล้วกันนะ" กลายเป็นว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจะไม่มีอาหารเช้าให้เรากิน คงต้องหากินกันเองแล้วล่ะ คงลำบากไม่ใช่น้อยนะเนี่ยะ

วันหยุดถ้าไม่ได้ทำอะไรในรพช. ช่างเหงา และเหงาเสียเหลือเกิน ก็ได้แต่ทำงานบ้าน กวาดบ้าน ซักผ้า รีดผ้า ตามเรื่องตามราว อากาศยามเที่ยง ร้อนจน อยู่เฉยๆ เหงื่อก็ออกราวกับเอาน้ำมาราดสักสองขัน ใครหนอจะเข้าใจ พัดลมเพดานที่พัดเบาๆ ราวกับกลัวว่าหากพัดแรงกว่านี้แล้ว ตัวเองจะหลุดออกมาเป็นเสี่ยงๆ วันก่อนแป๊ก โดนพัดลมตีเพราะกำลังใส่เสื้อไปรอบหนึ่ง แผลเหวอะไปเลยที่เดียว ดีนะที่อยู่ในโรงพยาบาล จึงสามารถช่วยเหลือไว้ได้ทัน น่าสงสาร ตอนนี้เวลาจะสวมเสื้อ หรือชูมือแต่ละครั้งก็ต้องระวัง เสียวๆว่าพัดลมจะตีโดนมืออีกคน

งานสบัดไม้บนสายเสียง ทำให้คลายเหงาบ้าง ดูก้องกริ๊จะมีความสุขไม่น้อย ที่ได้บรรเลงเพลงขิม ให้เพื่อนบ้านละแวกนั้นได้ฟัง ยังดีที่มีพี่ Ext อีกสามคนที่ให้ได้ร่วมสนทนา แลกเปลี่ยนความคิด คลายเหงาได้บ้าง การค้นพบว่า internet ในบ้านพักก็ติด เป็นอีกกิจกรรมลดเบื่อลง

หากอยู่ในชุมชนแบบนี้ แล้วเราไม่รู้จักใครเลย อยู่เพียงคนเดียว คงแย่พิลึก อยู่คนเดียว ไม่ต้องคุยกับใคร เค้าอยู่กันได้อย่างไรนะ??? เป็นอีกเรื่องที่ต้องค้นหา แล้วกิจกรรม วันว่างของพี่ๆที่นี่เค้าทำอะไรกันบ้างเหรอ เป็นเรื่องชวนฉงนอีกครั้ง

เค้าบอกให้ว่างๆ ทำงานจิตอาสา วันนี้ก็ขอทำงานจิตอาสาเป็นคนให้คำแนะนำ รับปรึกษาชีวิต ตลอดบ่ายแก่ๆ ถึงค่ำต้องนั่งพูดคุยกับ Ext ที่ดูจะมีปัญหาชีวิตรุมเร้า ค้นหา illness ออกมาจากจิตใต้สำนึก นึกถึงคอร์สภาษาอังกฤษที่น้องหญิงจันทร์จิราไปเรียน "ภาษาอังกฤษจากจิตใต้สำนึก" เป็นอย่างนี้นี่เอง

เหงา เหงา เหงา บอกไม่ถูก ค่ำแล้ว พรุ่งนี้จะทำอะไรดีนะ...

No comments: