Wellcome to EBM group

ยินดีต้อนรับน้องๆทุกคนค่ะ ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเรียนEvidence Based Medicine ของภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัวและชุมชนโรงพยาบาลหาดใหญ่


Staffs


09/07/2009

บันทึกรัก cororanod

blog ที่รัก
พวกเรา 7 คน ก้อง แปด แป๊ก พิว ฝน ฝน ตั๊ก ได้มาถึงระโนดด้วยความทุลักทุเล มากๆ นั่งรออยู่ห้องพักแพทย์โดยไม่มีใครมาสนใจอยู่ประมาณ 4 ชั่วโมง เพราะ บุคคลากรไม่ว่าง ติดภารกิจ ไปงานศพ และประชุม พี่extก็ยังไม่ได้ย้ายออกจากบ้านที่เราจะเข้าไปพัก รอแล้วรอเล่า หลับไปก็หลายตื่น แต่ก็ยังไม่มีใครเหลียวแล ฮือ... พยายามเดินออกไปโชว์ตัวบ้างไรบ้าง เพื่อให้หลายๆคนรุ้ว่าพวกเรามาแล้ว แต่ ก็เท่านั้น
ยังดีหน่อยที่ห้องมีแอร์... แต่แล้ว ก็โชคร้าย ที่จู่ๆ แอร์ก็เสียพวกเราก็นอนกันเหงื่อตกอยู่ในห้องพักแพทย์อบๆ เดี๋ยวนึกจะดี ก็ดี นึกจะดับก็ดับ อยากกลับบ้าน หลายคนน้ำตาซึมกันเลย น้องพิวบอกว่า ที่ควนเนียงยังสบายกว่า อยากกลับควนเนียงมากๆ จนสี่โมงครึ่งแล้ว พี่Extบอกว่าจะย้ายออกไปอยู่บ้านหลังใหม่ (สบายกว่าเห็นๆ)พวกเราจึงเขยื้อนเรือนร่างกันไปยังบ้านพัก แง้... อยากจะร้องออกมาให้ท่วมระโนด บ้านน่าอยู่มากๆๆๆ เหมือนปล่อยร้างมาเป็นเดือน พี่เค้าอยู่กันยังไงนะ ฝุ่นเขรอะ แมลงสาบในตู้เย็น ขอย้ำ ในตู้เย็น จานชาม มีแต่ฝุ่นเหมือนไม่มีใครเข้ามาอยู่เลย กวาดบ้านกันยกใหญ่ แถมไม่มีไม้ถูอีกต่างหาก เฮ้อ...เอาวะ คงต้องมีคนยอมสละเสื้อกันบ้างล่ะคราวนี้ เพราะพี่เค้าบอกว่าไม่มีไม้ถูและผ้าขี้ริ้วให้เลยจริงๆ แปลก แต่จริง
เคยมั๊ยที่อาบน้ำแล้วรู้สึกเหมือนยังไม่ได้อาบ ที่นี่แหละ พิสูจน์ได้ หลังจากบูรณะซ่อมแซมปฏิสังขรทั้งหลายแล้ว ก็ต้องขอบคุณพี่เกตุนะครับที่เป็นธุระจัดการอะไรๆให้หลายๆอย่าง แต่ว่ากว่าจะได้มุ้งลวดคงเป็นวันเสาร์ล่ะ ทนนอนตบยุงตัวเท่าแม่ไก่ไปก่อนแล้วกันนะน้อง ... เหวอ
ยามเย็นที่เวิ่นเว้อ ทุกคนร้องไห้อยากกลับบ้านเป็นอย่างมาก แต่ก็ตัดสินใจกันเช็ดน้ำตาแล้ว ออกไปในตลาดกันดีกว่า คุณหนู คุณนาย ในหาดใหญ่ สลัดคราบเป็นหงส์ปีกหัก เจ็ดคนเดินออกจากรพ.ระโนด ข้ามถนน หารถไปตลาดกัน... แล้วจะไปกันยังไงล่ะนี่ มอเตอร์ไซค์ก็ไม่พอ คงต้องเป็นกระบะล่ะมั้ง ได้การ... เคยเห็นแต่ในหนังฝรั่งเค้าทำกัน ขอทำบ้าง คันแล้วคันเล่าที่ผ่านไปขณะที่เราพยายามโบกรถ แม้จะน้อยใจบ้าง แต่ก็นะ ใครจะกล้ารับคนแปลกหน้าเจ็ดคน ไม่ใช่สโนว์ไวท์กับคนแระทั้งเจ็ดนะจ๊ะ จะได้ไปตามหาเจ้าชาย กินแอปเปิ้ล นศพ.น้อยๆที่เคยนั่งแต่ตุ๊กๆ ก้ต้องโบกรถคนแปลกหน้ากันต่อไป และแล้วคุณป้าใจดีก็แวะรับเรา เค้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เด็กพวกนี้จะมาไม้ไหน ขับรถเลยไปแล้ว แต่ก้ยังใจดี จอดแล้วถอยหลังกลับมาเหมือนจะให้พวกเรารู้ว่า จะไปอ๊ะป่าวอินู๋ อาการลิงโลด ของพวกเราคงทำให้ป้าแกเห็นแล้วว่าไม่มีพิษมีภัยอะไร จึงยอมพาไปส่งที่ในตลาด รอยยิ้มเปื้อนหน้าแทนคราบน้ำตาก่อนหน้านี้ได้อย่างสวยงาม นี่แหละความมีน้ำใจของคนในชนบท หลังจากขอบคุณกันยกใหญ่ ร่ำลากันเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็พากันไปเดินในตลาด ที่วาย ไปแล้ว ย้ำ ตลาดได้วายไปก่อนหน้าที่เราจะมาเสียอีก เงียบเหมือนปิดบริการมาหลายเดือน
จะมีคนเยอะก็แต่คลินิกพี่ผอ. คนจะเยอะอะไรได้อีกคะเนี่ยะ ถามไปถามมา ก็เห็นว่ายังพอมีที่กินใกล้ๆเซเว่นอีเลเว่น แห่งเดียวของระโนด (ควนเนียงมีป่าวก็ไม่รู้เนาะ) เดินตะลอนๆ พอได้มีอะไรกินประทังชีวิตกันบ้าง ก็มากันแบบฉุกละหุกเสียเหลือเกิน ขนาดคนในรพ.ยังไม่รู้เลยว่าพวกเรามากัน อิอิ อย่าไปว่าโรงครัวที่เค้าไม่ได้ทำกับข้าวเลย คงไม่ได้ติดต่อมาก่อนหน้านี้มั้ง??? ได้แต่ฉงนตั้งคำถาม แต่ก็ไม่รู้จะถามใคร....
หลังจากซื้อโน่นนี่หาของกินบ้างพอประทังความหิว เพราะกำลังเริ่มกินอาหารลดน้ำหนักสูตรพระเทพฯกันอยู่ คงผอมเพรียวไม่น้อย นี่แหละน้า ข้อดีของความอดอยาก อย่างน้อยก็ทำให้ผอมเพรียว เอาน่า มองโลกในแง่ดีไว้ดีกว่า เราเองก็ยังมีชีวิตอยู่ แค่ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนที่หาดใหญ่ แต่ก็อยู่ได้ (ถ้าไม่เป็นไข้เลือดออกหรือชิคุนกุนย่าไปก่อน) ขากลับก็ทรหดน่าดู... โบกรถคันแล้วคันเล่า ก็ไม่มี เฮ้อ... ทำไมไม่มีตำรวจจบใหม่ขับรถผ่านบ้างนะ เผื่อจะวานให้ไปส่งที่ห้อง เอ๊ย ที่รพ. แต่ก็ยังมีคนใจดีอยู่แหละน่า ออกจะเป็นเรื่องโชคดีของเราด้วยแหละ เพราะว่าเค้าขับมารับลูกพอดี ซึ่งนังเด็กสองคนนี้ก็ไม่รู้โผล่มาจากที่ไหน โอ๋ๆๆๆ เด็กน้อยจริงๆแล้วเพราะพวกนู๋นี่แหละทำให้พวกพี่ๆมีรถกลับโรงพยาบาลกัน ไม่งั้นคงต้องเดินกลับเพราะฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว
แสงแดดเริ่มอ่อนแรง พวกเราทั้งเจ็ดก็อ่อนล้าเกินกว่าที่จะทำอะไรได้ แม้จะหวั่นๆกับคนงานชาวพม่าสองคนที่นั่งอยู่ท้ายกระบะกับพวกเรา แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนร่วมโลกกันทั้งนั้น สายลมเย็นๆตีผ่านหน้า ทำเอาผมสยายไปกับสายลม เพียงครู่เดียวรถกระบะกับคุณอาใจดีก็พาพวกเรามาส่งถึงหน้าโรงพยาบาล นี่คงเป็นความต่างอีกอันกระมังของสังคมชนบท หากเทียบในเมืองแล้วจะมีใครมาจอดรับพวกเราแบบนี้หรือเปล่า หรือหากเป็นเราเองหากเจอคนโบกจะจอดหรือเปล่านะ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณรถกระบะทังสองคันที่ช่วยพาเราทั้งเจ็ดไปส่งยังจุดหมายปลายทาง แม้เส้นทางนี้จะเป็นเพียงแค่เริ่มต้น แต่หวังว่าจะมีอะไรดีๆรออยู่ที่รพ.ระโนด อ๊ะๆๆ แม้พวกเราจะกลายเป็นหงส์ปีกหัก แต่ค่ำคืนนี้เราก็ยังได้ดูบ่วงหงส์ตอนอวสานแหละน้า
แม้ว่าจะอิดโรย อยากหลับตาลงเพียงใด เป็นเวลาชั่วโมงกว่าแล้วที่ยุงยังตอมไม่เลิก หลังจากลุกเข้าห้องน้ำก็ต้องกลับมาผจญกับแมลงสาบที่ ดูเหมือนจะอยู่ผิดที่ผิดทาง แก๊ แก มาบนที่นอนช้านได้ไง กร๊าซซซ ก็ได้แต่ไล่มันไป บาปอ่ะ หลังจากดูMVของปานแล้วก็เริ่มกลัวๆแฮะ ชีวิตช้านจะกลายเป็นยุงหรือแมลงสาบที่โดนตบตีหรือเปล่า เฮ้อ...

---ชลันธรี---

2 comments:

กาตุ่ย said...

please get to the point and brief!! OK?

อ่านไปอ่านมา น้ำท่วมหมดแล้ว หาไม่ผักบุ้ง

ล้อเล่นนะจ๊ะ!!!

ชีวิตสาวๆเอเอฟอย่างพวกชั้น ก็มิแตกต่างเท่าใดหรอก

ตื่นมาตอนตีห้า เรียงคิวอาบน้ำ

กลางวันอบซาวน่า (เทพาร้อนแสดดดดดดด)
กลางคืนนอนเป็นปลากระป๋องตราเจ็ดแม่ครัว (เทพาหนาวมากกกกกกก)

เอาใจสภาพอากาศไม่ถูก

หุหุ

จากสาวๆเทพาคอนแวน

Unknown said...

เอาน่า เพื่อนเขียยนนิยายให้ได้อ่านแก้เซ็ง เพิ่งค้นพบว่าบ้านพักwireless ถึง