Wellcome to EBM group

ยินดีต้อนรับน้องๆทุกคนค่ะ ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเรียนEvidence Based Medicine ของภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัวและชุมชนโรงพยาบาลหาดใหญ่


Staffs


22/07/2009

บันทึกรัก cororanod (ต่อ)


blog ที่รัก

สวัสดีวันพุธ

สายฝนที่พรั่งพรูตลอดในช่วงเช้า ต้อนรับวันพิเศษๆ วันนี้เป็นการ rotate ครั้งสุดท้ายของพวกเราล่ะ ก้องฝน ไปอยู่ OPD ส่วนแป๊กแปดไปคลินิกใกล้ใจ ฝนตั๊กไปอยู่ที่คลินิกเวชฯ และน้องพิวไปอยู่ที่CMU และที่สำคัญคือเช้าวันนี้เป็นวันที่มีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่งก็คือ สุริยุปราคา แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ที่ระโนดฝนตกทำให้พลาดปรากฏการณ์ครั้งนี้ไป

ชีวิตในOPD ก็ไม่ได้แตกต่างจากตอนอยู่ที่ CMU สักเท่าไหร่ ดีหน่อยที่เคสไม่ได้มากนัก อาจจะเป็นเพราะมีแพทย์หลายคนที่ตรวจ ไม่ได้ตรวจเคสเด็ก เพราะว่ามีแพทย์เฉพาะทางสาขาเด็กที่นี่ งานสบายกว่า CMU ที่มีแพทย์ตรวจปกติแค่คนเดียวคือพีเกตุ แต่พอมี Ext มาช่วยก็ลดปริมาณงานลงได้อย่างดี ขาดแต่นศพ.อย่างเราที่ดูเหมือนจะเพิ่งงานที่ต้องดูแลและสอนเราอยุ่ไม่น้อยเลย

สำหรับ OPD วันนี้เป็นที่แปลกใจสำหรับตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่แม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่ชอบตรวจ OPD หรือการที่จะต้อง explore illness คนไข้ แต่วันนี้สามารถที่จะ ค้นหา illness ของคนไข้ได้โดยไม่รู้ตัว อาจจะเป็นข้อดีของการที่ได้ไปตรวจที่ CMU เมื่อก่อนเคยคิดเหมือนกันว่า น่าเบื่อสำหรับการคุยกับผู้ป่วยนานๆ และพยายามที่จะย่นระยะเวลาที่จะคุยกับผู้ป่วยทุกเมื่อถ้าเป็นไปได้ แต่มาวันนี้ กลับให้ความสำคัญกับการพูดคุยมากขึ้น ทำให้ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้น อย่างน้อยที่สุดวันนี้ความโกรธคนไข้ที่คุมน้ำตาลหรือคุมความดันได้ไม่ดีก็ลดลง

คุณป้าอายุประมาณ 65 ปี มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง แต่กลับคุมความดันได้ไม่ดีเลย วันนี้ ความดัน 200/110 mmHg นึกอยากบอกป้าว่ามันอันตราย ทำไมถึงปล่อยให้ความดันสูงได้ขนาดนี้ กินยาประจำหรือเปล่า.... แต่ได้ถามป้าไปแค่ว่า ป้าอยู่บ้านกับใครเหรอ วันนี้ใครพามาโรงพยาบาล เพียงแค่นี้ น้ำตาของคุณป้าก็เอ่อล้น เสียงสั่นเครือบอกถึงความทุกข์ระทมที่ได้รับ ลูกมีหลายคนแต่ก็อยู่ต่างจังหวัดกันหมด มีลูกสาวอีกคนที่อยู่ด้วยกัน แต่เค้าก็ไม่ดูแล มาโรงพยาบาลก็ต้องมาเอง ไม่มีคนมาส่ง ปกติจะรับยาอยู่ที่อนามัยใกล้บ้าน แต่ว่าเนื่องจากความดันยังคุมได้ไม่ดี อนามัยจึงให้มารับยาที่ โรงพยาบาล วันนี้ที่มาโรงพยาบาลได้ก็ด้วยติดรถส่งน้ำแข็งที่มาส่งที่โรงพยาบาล เล่าไปน้ำตาก็ยิ่มเอ่อล้น นอกจากจะสั่งยาให้ป้าแล้วก็ได้ไปปรึกษากับพยาบาลที่ดูแลคลินิกความดันโลหิตสูง คอยดูแลต่อเนื่อง ทั้งในด้านการรับยา ทั้งเรื่องบ้านและครอบครัวอีกด้วย

อีกเคส เป็นผู้ป่วยเบาหวาน ที่ตอนหลังๆ ระดับน้ำตาลสูงมากถึงสามร้อยติดต่อกัน สามสี่ครั้ง ตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้ยาฉีดและผ่านการปรับอินซูลินใหม่หลายรอบแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะคุมน้ำตาลได้ คุยกันไปคุยกันมาถามว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ที่บ้านเป็นอย่างไร สรุปว่าอยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก ผู้ป่วยก็อายุ 60กว่าปีแล้ว ฉีดยาเองก็ไม่กล้าฉีด มองยาในเข็มไม่เห็น ส่วนลูกชายช่วงที่ต้องฉีดยามื้อเย็นก็มักจะไม่อยู่บ้านทำให้ในแต่ละสัปดาห์ต้องขาดการฉีดอินซุลิน ประมาณ สาม ถึง สี่ ครั้ง ทำให้ควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี จะกลับไปกินยาก็ไม่ได้เพราะว่า renal impairment ก็เป็นปัญหาที่ต้องจัดการกันต่อไป

ถ้าเรารู้เบื้องหลัง หรือ background ของผู้ป่วยซึ่งในบางมุมผู้ป่วยมักจะไม่ยอมบอกให้แพทย์ทราบ เราเองต้องเป็นคนที่จะexplore ออกมาให้ได้เพื่อประโยชน์ของคนไข้และการดูแลคนไข้อย่างเป็นองค์รวม ทั้งกาย จิต สังคม และ ปัญญา การเรียนรู้ที่ตั้งเป้าไว้ทั้งหมดก็สามารถจะได้กลับไปจากการฝึกปฏิบัติจากโรงพยาบาลชุมชนแห่งนี้

จวบจนเย็น แม้ตะวันจะคล้อยต่ำจนล่วงลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่สายฝนก็ยังไม่หยุดร่วงหล่น เหมือนกาลเวลาที่ผ่านไปแล้วผ่านไปเล่าบอกว่า อีกเพียงไม่กี่โวโมงหลังจากนี้ก็จะต้องลาจาก ระโนดกลับไปยังดินแดนที่เรียกกันว่าความเจริญ หรือสังคมเมืองในหาดใหญ่

No comments: